ข้อดี-ข้อเสียระหว่างเทอร์โบคู่ กับเทอร์โบเดี่ยว

**Pajingo** · 12-03-2010, 09:32

มาตอบเรื่องเครื่องโรครับ...

-เคยสังเกตกันมั้ยว่าเครื่องโรตารี่เทอร์โบเดี่ยวที่ท ำมาส่วนใหญ่จะเน้นเทอร์โบลูกใหญ่ (น้อยมากที่จะใส่ลูกเล็กๆ กัน อย่างน้อยๆ ก็ต้องกลางๆ หรือขยับขึ้ไปอีก) ด้วยเหตุผลที่ว่าการจุดระเบิดชของเครื่องโรตารี่นั้น มีความต่อเนื่องค่อนข้างมาก คือใน 1 รอบการหมุน จะสามารถจุดระเบิดได้ถึง 3 ครั้ง (ต่างกับเครื่องลูกสูบที่ต้องหมุนถึง 2 รอบกว่าจะจุดระเบิดได้ 1 ครั้ง) ด้วยเหตุผลนี้เองทำให้โรตารี่นั้นปล่อยไอเสียออกมาเพ ื่อให้สามารถปั่นเทอร์โบลูกใหญ่ๆ ได้แบบสบายๆ ต่อเนื่องและไม่ค่อยมีอาการรอรอบ ฟีลลิ่งคือรอบเครื่องกวาดขึ้นไปเรื่อยๆ ไม่ดึงมากเพราะแรงบิดไม่เยอะ แต่จะมีความเร็วทีเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว รอบฟาดได้จัดจ้านอีกทั้งยังลากได้เยอะ (อันนี้ถ้าเข้าใจคำว่า "แรง" กับคำว่า "เร็ว" คงพอนึกภาพออก) ที่เป็นเช่นนี้เพราะว่าลูกสุบสามเหลี่ยมหมุนอยุ่ใน Housing ไม่ได้มีการชักขึ้นลงแบบยาวๆ จนทำให้เกิดแรงเหวี่ยงอันเป็นที่มาของแรงบิด แม้จะใช้เทอร์โบใหญ่มากๆ กันแต่ก็ใว่เครื่องโรตารี่จะสามารถบูสท์ได้เยอะเท่าก ับเครื่องลูกสูบ ปกติที่ใช้กันกับเครื่อง 2 โร + T88 หรืออะไรที่ใหญ่โดยประมาณนั้น จะบูสท์กันแค่เพียงไม่เกิน 1.2 บาร์ (เท่านี้ถือว่ามากแล้ว...) เพราะถ้ามากกว่านี้เดี๋ยว Apex Seal (ทำหน้าที่คล้ายๆ แหวนลูกสูบ) คงกระจายแน่ๆ คงพอมองภาพออกกันบ้างแล้วนะครับ...ผมอธิบายพอเข้าใจม ั้ยหว่า สงสัยอะไรก็ถามเพิ่มได้นะครับ

-อันนี้มาตอบให้เข้าประเด็นที่ถามกันว่าโรเทอร์โบคู่ข ับยากกว่าโรเทอร์โบเดี๋ยวมั้ย คำตอบก็คือ...ไม่เชิงว่าจะขับยากกว่าครับ อย่างที่บอกไปในตอนแรกว่าอาการรอรอบจากเทอร์โบเดี่ยว ของโรตารี่นั้นมีน้อยมากหรือแทบจะไม่มีเลย (ถ้าใช้โข่งหลังที่เหมาะสม) ดังนั้นจึงไม่รุ้สึกว่าเทอร์โบลูกใหญ่ๆ สร้างปัญหาให้ผู้ขับขี่ ข้อดีของการใช้เทอร์โบลูกใหญ่นั้นก็คือความแรงที่มาก ขึ้น (ถ้ามีอุปกรณ์รองรับมากพอ) เทียบกับเทอร์โบคู่(ลูกเล็กๆ) แล้ว เหนือกว่ากันอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งเทอร์โบคู่ลูกเล็กๆ นี้ไม่สามารถสร้างความแรงที่ทำให้ผุ้ขับขี่พึงพอใจหร ือในการแข่งขันแล้วความแรงมันอาจจะยังไม่เพียงพอ เลยทำให้รุ้สึกว่าขับยาก ยิ่งกับเครื่องที่ไม่มีแรงบิดแล้วถ้าไม่ได้แรงบูสท์ม าช่วยมันมีแต่รอบกับแค่ความเร็วจริงๆ ครับ อันนี้ถ้าใครเคยขับ RX8 คงจะพอรู้ดี ว่ารถที่ "เร็วแต่ไม่แรง" มันเป็นยังไง

ปล.นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่าถ้าจะเลือกซื้อเทอร์โบ มือ 2 ควรเลือกซื้อที่มันเคยใส่อยู่ในเรื่องโร เพราะมันบูสท์น้อย เทอร์โบจะยังไม่ค่อยช้ำเท่าไหร่...(เกี่ยวกันมั้ยเนี ่ย...) ซึ่งเทอร์โบใหญ่แต่บูสท์น้อยมันเป็นอะไรที่เซฟมากๆ ฝากไว้เป็นเกร็ดเล็กๆ น้อยๆ ครับ

**Suttiphonphong** · 12-03-2010, 10:31

อ้างถึง:

กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ Pajingo

มาตอบเรื่องเครื่องโรครับ...

-เคยสังเกตกันมั้ยว่าเครื่องโรตารี่เทอร์โบเดี่ยวที่ท ำมาส่วนใหญ่จะเน้นเทอร์โบลูกใหญ่ (น้อยมากที่จะใส่ลูกเล็กๆ กัน อย่างน้อยๆ ก็ต้องกลางๆ หรือขยับขึ้ไปอีก) ด้วยเหตุผลที่ว่าการจุดระเบิดชของเครื่องโรตารี่นั้น มีความต่อเนื่องค่อนข้างมาก คือใน 1 รอบการหมุน จะสามารถจุดระเบิดได้ถึง 3 ครั้ง (ต่างกับเครื่องลูกสูบที่ต้องหมุนถึง 2 รอบกว่าจะจุดระเบิดได้ 1 ครั้ง) ด้วยเหตุผลนี้เองทำให้โรตารี่นั้นปล่อยไอเสียออกมาเพ ื่อให้สามารถปั่นเทอร์โบลูกใหญ่ๆ ได้แบบสบายๆ ต่อเนื่องและไม่ค่อยมีอาการรอรอบ ฟีลลิ่งคือรอบเครื่องกวาดขึ้นไปเรื่อยๆ ไม่ดึงมากเพราะแรงบิดไม่เยอะ แต่จะมีความเร็วทีเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว รอบฟาดได้จัดจ้านอีกทั้งยังลากได้เยอะ (อันนี้ถ้าเข้าใจคำว่า "แรง" กับคำว่า "เร็ว" คงพอนึกภาพออก) ที่เป็นเช่นนี้เพราะว่าลูกสุบสามเหลี่ยมหมุนอยุ่ใน Housing ไม่ได้มีการชักขึ้นลงแบบยาวๆ จนทำให้เกิดแรงเหวี่ยงอันเป็นที่มาของแรงบิด แม้จะใช้เทอร์โบใหญ่มากๆ กันแต่ก็ใว่เครื่องโรตารี่จะสามารถบูสท์ได้เยอะเท่าก ับเครื่องลูกสูบ ปกติที่ใช้กันกับเครื่อง 2 โร + T88 หรืออะไรที่ใหญ่โดยประมาณนั้น จะบูสท์กันแค่เพียงไม่เกิน 1.2 บาร์ (เท่านี้ถือว่ามากแล้ว...) เพราะถ้ามากกว่านี้เดี๋ยว Apex Seal (ทำหน้าที่คล้ายๆ แหวนลูกสูบ) คงกระจายแน่ๆ คงพอมองภาพออกกันบ้างแล้วนะครับ...ผมอธิบายพอเข้าใจม ั้ยหว่า สงสัยอะไรก็ถามเพิ่มได้นะครับ

-อันนี้มาตอบให้เข้าประเด็นที่ถามกันว่าโรเทอร์โบคู่ข ับยากกว่าโรเทอร์โบเดี๋ยวมั้ย คำตอบก็คือ...ไม่เชิงว่าจะขับยากกว่าครับ อย่างที่บอกไปในตอนแรกว่าอาการรอรอบจากเทอร์โบเดี่ยว ของโรตารี่นั้นมีน้อยมากหรือแทบจะไม่มีเลย (ถ้าใช้โข่งหลังที่เหมาะสม) ดังนั้นจึงไม่รุ้สึกว่าเทอร์โบลูกใหญ่ๆ สร้างปัญหาให้ผู้ขับขี่ ข้อดีของการใช้เทอร์โบลูกใหญ่นั้นก็คือความแรงที่มาก ขึ้น (ถ้ามีอุปกรณ์รองรับมากพอ) เทียบกับเทอร์โบคู่(ลูกเล็กๆ) แล้ว เหนือกว่ากันอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งเทอร์โบคู่ลูกเล็กๆ นี้ไม่สามารถสร้างความแรงที่ทำให้ผุ้ขับขี่พึงพอใจหร ือในการแข่งขันแล้วความแรงมันอาจจะยังไม่เพียงพอ เลยทำให้รุ้สึกว่าขับยาก ยิ่งกับเครื่องที่ไม่มีแรงบิดแล้วถ้าไม่ได้แรงบูสท์ม าช่วยมันมีแต่รอบกับแค่ความเร็วจริงๆ ครับ อันนี้ถ้าใครเคยขับ RX8 คงจะพอรู้ดี ว่ารถที่ "เร็วแต่ไม่แรง" มันเป็นยังไง

ปล.นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่าถ้าจะเลือกซื้อเทอร์โบ มือ 2 ควรเลือกซื้อที่มันเคยใส่อยู่ในเรื่องโร เพราะมันบูสท์น้อย เทอร์โบจะยังไม่ค่อยช้ำเท่าไหร่...(เกี่ยวกันมั้ยเนี ่ย...) ซึ่งเทอร์โบใหญ่แต่บูสท์น้อยมันเป็นอะไรที่เซฟมากๆ ฝากไว้เป็นเกร็ดเล็กๆ น้อยๆ ครับ

พูดง่ายๆก็คือ มันสามารถสร้างไอเสียได้เยอะทำให้ปั่นโบลูกใหญ่ๆได้ แต่ข้อเสียของมันคือแรงบิดต่ำและทนอัตราการบูสท์ได้ไ ม่มาก ผมเข้าใจถูกไหมครับพี่

**no1973** · 12-03-2010, 10:54

อ้างถึง:

กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ Suttiphonphong

พูดง่ายๆก็คือ มันสามารถสร้างไอเสียได้เยอะทำให้ปั่นโบลูกใหญ่ๆได้ แต่ข้อเสียของมันคือแรงบิดต่ำและทนอัตราการบูสท์ได้ไ ม่มาก ผมเข้าใจถูกไหมครับพี่

ว้าว......ได้ความรู้เพิ่มอีกเยอะเลยงานนี้....เริ่ม จะกระจ่าแล้ว..ว่าจะหาทางออกแบบไหนดี...
หวังว่า กระทู้นี้คงเป็นแหล่งความรู้ให้อีกหลายๆ ท่านนะครับ....Thank"""

**wongpadoo** · 12-03-2010, 11:11

แล้วถ้าเปลี่ยนโบเดี่ยวและโบคู่พอประมาณแล้วต้องทำอย ่างอื่นเพิ่มตามไมครับ แล้วใสไปอย่างเดียวได้ไมครับ

**Pajingo** · 12-03-2010, 13:39

อ้างถึง:

กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ wongpadoo

แล้วถ้าเปลี่ยนโบเดี่ยวและโบคู่พอประมาณแล้วต้องทำอย ่างอื่นเพิ่มตามไมครับ แล้วใสไปอย่างเดียวได้ไมครับ

จะทำหรือไม่ทำอยู่ที่ว่าต้องการขีดความสามารถขนาดไหน หลักๆ อยู่ที่เรื่องของเชื้อเพลิงว่าเพียงพอต่อความต้องการ หรือเปล่า...ขีดความสามารถในการรองรับของเครื่องอยู่ ที่แรงม้าครับ ไม่ใช้อัตราบูสท์หรือของแต่งที่ใส่เข้าไป "บูสท์น้อยแต่ได้แรงม้ามาก" กับ "บูสท์มากแต่ได้แรงม้าน้อย" อย่างแรกมีโอกาสที่จะทำให้เครื่องพังมากกว่าครับ

-ง่ายๆ ยกตัวอย่างรถผมตอนเป็นเทอร์โบเดิม บูสท์อยู่ 1.4 บาร์ วิ่งอยู่ 13 กลางๆ เข้าเส้น 180 โดยต้องมีกล่อง Mine ช่วย 1 ใบ ค่า A/F อยู่ในเกณฑ์ที่รับได้ ออกจะหนาไปนิดด้วย (เพราะใส่ FCD แล้วก็ยังตัดอยู่) ต่อมาขยับสเต็ปใส่เทอรโบเดี่ยวเข้าไปต้องขยับบูสท์ลง มาเหลือแค่ 0.7 A/F บางลงกว่าตอนใส่กล่อง Mine นิดหน่อย แต่ก็โอเค (เพราะขายกล่องไปแล้ว...เสียบกล่องเดิมวิ่ง) แต่รถยังวิ่งด้วยเวลาเท่าเดิม 13 กลางๆ เข้าเส้น 180 กม./ชม. (ผลเท่ากันแต่ฟีลิ่งการขับต่างกัน) ตรงนี้ชี้ให้เห็นว่าใส่โบเดี่ยวแล้วใช่ว่าจะแรงขึ้นเ สมอไป ถ้าอยากให้แรงกว่านี้คงต้องขยับบูสท์ขึ้น ซึ่งนั่นต้องทำให้เราขยับในส่วนอื่นๆ ตาม ง่ายๆ คือต้องมีกล่องเพื่อสั่งจ่ายน้ำมันได้มากขึ้น ถ้าเป็นหัวฉีดเดิมลองประมาณเอาง่ายๆ แรงม้าสูงสุดทำได้พอๆ กับ "ซีซี. ของหัวฉีด" เช่น 2J หัวฉีดเดิม ทำม้าเต็มที่ได้ 400 ตัวนิดๆ (มากกว่านั้นมีพัง...) พอได้ความแรงในระดับที่น่าพอใจแล้วต้องมาดูต่อที่ระบ บส่งกำลังว่าสามารถรองรับได้หรือไม่ ถ้าไม่พอก็ต้องเปลี่ยนอีก มันตามมาเป็นวัฏจักรครับ...ปรากฏว่าตอนนี้คลัทช์เอาไ ม่อยู่ซะแล้ว 555

ปล.ข้อดีของการใส่เทอร์โบเดี่ยวสำหรับรถที่ห้องเครื่ องไม่ใหญ่มากนักคือเรื่องของความร้อนจะลดลงไปแบบเห็น ๆ เลยครับ ถ้ามีเกจ์วัดอุณหภูมิน้ำ 2 ตัว จะเห้นได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

ปล.2 อย่างที่บอก...ต้องทำเพิ่มหรือไม่ขึ้นอยู่กับความต้อ งการว่าอยากได้ความแรงระดับไหน ใส่โบเดี่ยวแล้วจะไม่ทำอะไรต่อเลยก็ได้ (ต้องบูสท์ไม่เยอะนะ) แต่ความแรงก็ได้แค่ระดับหนึ่ง ตามสภาพที่ทำได้เหมือนที่ผมใส่โบเดี่ยวแล้วยังไม่มีก ล่อง ไม่พัง ไม่บาง แต่ไม่แรงมาก ถ้าอยากได้มากกว่านั้นก็ต้องทำเพิ่ม...ประมาณนี้ครับ ...

**Pajingo** · 12-03-2010, 11:41

อ้างถึง:

กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ Suttiphonphong

พูดง่ายๆก็คือ มันสามารถสร้างไอเสียได้เยอะทำให้ปั่นโบลูกใหญ่ๆได้ แต่ข้อเสียของมันคือแรงบิดต่ำและทนอัตราการบูสท์ได้ไ ม่มาก ผมเข้าใจถูกไหมครับพี่

-ประมาณนั้นครับ...แรงบิดต่ำนั้นถูกต้องเลย รอบกวาดแว๊ดดดด 4000-9000 สบายๆ (เพราะพวกเครื่อง 2 โร นี่เบิ้ลเครื่องอยู่กับที่ก็ 3-4000 รอบเข้าไปแล้วครับ...ลองสังเกตดู...) ถึงจะแรงบิดต่ำแต่ได้ในเรื่องของรอบ (ที่ทั้งกวาดเร็วและยาว...) มาช่วยเลยทำให้มันไปได้เร็วครับ ยกตัวอย่างให้เข้าใจง่าย RX7 เครื่องโร กับ RX7 วาง 2J วิ่ง 11 วิ. เท่ากัน โรตารี่อาจใช้บูสท์แค่ 1.0 บาร์ แต่สำหรับ 2J นั้นต้องมีไม่ต่ำกว่า 1.5 บาร์แน่ๆ ครับ ผลลัพท์เหมือนกัน แต่วิธีการที่จะได้มาซึ่งผลลัพท์นั้นต่างกัน ฟีลลิ่งการขับขี่ก็ต่างกันไปด้วย

-ทั้งนี้ถ้าปรับใช้กับสไตล์การขับขี่ทีเหมาะสมแล้วล่ะ ก็ เชื่อได้ว่า 2 ทางนี้ ทำได้ผิดกันอย่างเห็นได้ชัด ยกตัวอย่างเครื่องจาก RX7 คันข้างบน ถ้าเอาไว้วิ่งเซอร์กิต ไม่นับฝีมือคนขับแน่นอนว่าโรเอาไปกินเห็นๆ ด้วยเรื่องของน้ำหนัก บาลานซ์หรือความต่อเนื่องและความง่ายในการคอนโทรลรถ แต่กลับกันถ้านึกเอาเล่นๆ อย่างเช่นการอัดบนเขา (ขาขึ้น) เหมือนในการ์ตูนยุ่น เครื่องที่มีแรงบิดยิ่งได้เปรียบเนื่องจากอัตราเร่งใ นยามที่มีโหลดมากกว่านั้นสามารถทำได้ดีกว่าครับ...เร ื่องนี้มีนัยว่าเราต้องเลือกปรับแต่ให้เหมาะสมกับสไต ล์การขับขี่และความชอบของเราครับ "ผลลัพท์เหมือนกัน แต่วิธีการได้มานั้นต่างกัน" และ "เมื่อมีผลที่แตกต่างกันก็ต้องเลือกให้เหมาะสมกับตัวเ ราที่สุด" ครับ

ปล.พล่ามซะยาว...เบื่อกันมั้ยเนี่ย 555

**no1973** · 12-03-2010, 11:49

อ้างถึง:

กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ Pajingo

-ประมาณนั้นครับ...แรงบิดต่ำนั้นถูกต้องเลย รอบกวาดแว๊ดดดด 4000-9000 สบายๆ (เพราะพวกเครื่อง 2 โร นี่เบิ้ลเครื่องอยู่กับที่ก็ 3-4000 รอบเข้าไปแล้วครับ...ลองสังเกตดู...) ถึงจะแรงบิดต่ำแต่ได้ในเรื่องของรอบ (ที่ทั้งกวาดเร็วและยาว...) มาช่วยเลยทำให้มันไปได้เร็วครับ ยกตัวอย่างให้เข้าใจง่าย RX7 เครื่องโร กับ RX7 วาง 2J วิ่ง 11 วิ. เท่ากัน โรตารี่อาจใช้บูสท์แค่ 1.0 บาร์ แต่สำหรับ 2J นั้นต้องมีไม่ต่ำกว่า 1.5 บาร์แน่ๆ ครับ ผลลัพท์เหมือนกัน แต่วิธีการที่จะได้มาซึ่งผลลัพท์นั้นต่างกัน ฟีลลิ่งการขับขี่ก็ต่างกันไปด้วย

-ทั้งนี้ถ้าปรับใช้กับสไตล์การขับขี่ทีเหมาะสมแล้วล่ะ ก็ เชื่อได้ว่า 2 ทางนี้ ทำได้ผิดกันอย่างเห็นได้ชัด ยกตัวอย่างเครื่องจาก RX7 คันข้างบน ถ้าเอาไว้วิ่งเซอร์กิต ไม่นับฝีมือคนขับแน่นอนว่าโรเอาไปกินเห็นๆ ด้วยเรื่องของน้ำหนัก บาลานซ์หรือความต่อเนื่องและความง่ายในการคอนโทรลรถ แต่กลับกันถ้านึกเอาเล่นๆ อย่างเช่นการอัดบนเขา (ขาขึ้น) เหมือนในการ์ตูนยุ่น เครื่องที่มีแรงบิดยิ่งได้เปรียบเนื่องจากอัตราเร่งใ นยามที่มีโหลดมากกว่านั้นสามารถทำได้ดีกว่าครับ...เร ื่องนี้มีนัยว่าเราต้องเลือกปรับแต่ให้เหมาะสมกับสไต ล์การขับขี่และความชอบของเราครับ "ผลลัพท์เหมือนกัน แต่วิธีการได้มานั้นต่างกัน" และ "เมื่อมีผลที่แตกต่างกันก็ต้องเลือกให้เหมาะสมกับตัวเ ราที่สุด" ครับ

ปล.พล่ามซะยาว...เบื่อกันมั้ยเนี่ย 555

อย่างนี้...ถ้ารถเรามีน้ำหนักมากๆ...เช่นรถยุโรป ก็ไม่เหมาะใช้เครื่องโรตารี่สิครับ...

**kunsue** · 12-03-2010, 12:14

ความรู้ทั้งนั้นเลยครับ
ขยับโบแล้ว ต้องขยับอย่างอื่นตามมาด้วยนะครับ ไม่งั้นแหลก!!!!

**Pajingo** · 12-03-2010, 13:08

อ้างถึง:

กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ no1973

อย่างนี้...ถ้ารถเรามีน้ำหนักมากๆ...เช่นรถยุโรป ก็ไม่เหมาะใช้เครื่องโรตารี่สิครับ...

ถูกต้องที่สุดครับ...โรตารี่ต้องรถเบาๆ เท่านั้น...

**no1973** · 12-03-2010, 15:39

อ้างถึง:

กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ Pajingo

ถูกต้องที่สุดครับ...โรตารี่ต้องรถเบาๆ เท่านั้น...

พี่ครับ ถามอีกเรื่อง..ร้านพี่อยู่ที่ไหน ละครับ เพื่อจะได้เอารถเข้าไปรับคำปรึกษาสักหน่อย..หรือว่าพ อจะมีอู่แนะนำบ้างเปล่าครับ.. .

**Pajingo** · 12-03-2010, 16:36

อ้างถึง:

กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ no1973

พี่ครับ ถามอีกเรื่อง..ร้านพี่อยู่ที่ไหน ละครับ เพื่อจะได้เอารถเข้าไปรับคำปรึกษาสักหน่อย..หรือว่าพ อจะมีอู่แนะนำบ้างเปล่าครับ.. .

ผมเป็นคนเล่นรถธรรมดาๆ เนี่ยล่ะครับ ไม่ได้ทำอู่หรือเป็นร้าน...อิอิ แต่ถ้าอู่ที่ผมทำอยู่ก็ Injection แถวๆ ปทุมธานีอ่ะครับ...ว่างๆ ลองแวะเข้าไปเยี่ยมเยียนได้ หรือดูทางเว็บที่ลายเซ็นไปพลางๆ ก่อนก็ได้ครับ...

ปล.อันนี้เบอร์โทรผม เผื่ออยากรู้อะไรเพิ่มเติม โทรมาพูดคุยกันได้ครับ...ยินดี 0827946780 ครับ

**somtao** · 12-03-2010, 15:44

อ้างถึง:

กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ Suttiphonphong

พูดง่ายๆก็คือ มันสามารถสร้างไอเสียได้เยอะทำให้ปั่นโบลูกใหญ่ๆได้ แต่ข้อเสียของมันคือแรงบิดต่ำและทนอัตราการบูสท์ได้ไ ม่มาก ผมเข้าใจถูกไหมครับพี่

อืมๆเพราะเครื่องโรตารี่ใช้เอเป๊ค ซีล ในการอัดและป้องกันการรั่วทั้งของไอดีและไอเสียที่เข ้า-ออกช่องพอร์ท ทำให้เกิดข้อจำกัดตรงนี้ไป...รวมถึงความทนทาน..ด้วยน ะ...เลยเสียเปรียบเครื่องเจที่ใช้วาล์วไอดี-ไอเสียช่วยในเรื่องนี้...เคยเรียนสมัย ปวส.อ่ะคัฟ...จำได้ไม่ค่อยหมด...สมัยนั้นระบบVTEC กำลังดังมากๆและVVTiกำลังอยู่ในช่วงพัฒนาอยู่เรยคัฟ. ..

**Pajingo** · 12-03-2010, 16:47

อ้างถึง:

กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ somtao

อืมๆเพราะเครื่องโรตารี่ใช้เอเป๊ค ซีล ในการอัดและป้องกันการรั่วทั้งของไอดีและไอเสียที่เข ้า-ออกช่องพอร์ท ทำให้เกิดข้อจำกัดตรงนี้ไป...รวมถึงความทนทาน..ด้วยน ะ...เลยเสียเปรียบเครื่องเจที่ใช้วาล์วไอดี-ไอเสียช่วยในเรื่องนี้...เคยเรียนสมัย ปวส.อ่ะคัฟ...จำได้ไม่ค่อยหมด...สมัยนั้นระบบVTEC กำลังดังมากๆและVVTiกำลังอยู่ในช่วงพัฒนาอยู่เรยคัฟ. ..

ใช่ครับ...บูสท์มากเอเป็กซีลไปก่อนแน่ๆ

12-03-2010, 12:14	#8
kunsue ClubJZ Full Member 2556 วันที่สมัคร: Oct 2006 Car Brand: colorado Engine Type: 2jz-gte mt ที่อยู่: ดอนเมือง อายุ: 45 กระทู้: 285 Thanks: 473 Thanked 307 Times in 112 Posts คะแนน: 19	ความรู้ทั้งนั้นเลยครับ ขยับโบแล้ว ต้องขยับอย่างอื่นตามมาด้วยนะครับ ไม่งั้นแหลก!!!! __________________ อย่า ขี้ โม้

หัวข้อที่คล้ายกัน
หัวข้อ	ผู้เริ่มหัวข้อ	ฟอรั่ม	ตอบกลับ	กระทู้ล่าสุด
อยากทราบ ข้อดี ข้อเสีย ของ บุชยูริเทน	piyawat trakoonworachuen	ClubJZ! Useful Information	22	09-12-2010 10:58

12-03-2010, 09:32	#1
Pajingo ClubJZ Old Full Member วันที่สมัคร: Mar 2007 Car Brand: ไวกิ้ง...ซิ่งสายฟ้า... Engine Type: JZ Inside ที่อยู่: Around The World กระทู้: 67 Thanks: 48 Thanked 259 Times in 52 Posts คะแนน: 19	มาตอบเรื่องเครื่องโรครับ... -เคยสังเกตกันมั้ยว่าเครื่องโรตารี่เทอร์โบเดี่ยวที่ท ำมาส่วนใหญ่จะเน้นเทอร์โบลูกใหญ่ (น้อยมากที่จะใส่ลูกเล็กๆ กัน อย่างน้อยๆ ก็ต้องกลางๆ หรือขยับขึ้ไปอีก) ด้วยเหตุผลที่ว่าการจุดระเบิดชของเครื่องโรตารี่นั้น มีความต่อเนื่องค่อนข้างมาก คือใน 1 รอบการหมุน จะสามารถจุดระเบิดได้ถึง 3 ครั้ง (ต่างกับเครื่องลูกสูบที่ต้องหมุนถึง 2 รอบกว่าจะจุดระเบิดได้ 1 ครั้ง) ด้วยเหตุผลนี้เองทำให้โรตารี่นั้นปล่อยไอเสียออกมาเพ ื่อให้สามารถปั่นเทอร์โบลูกใหญ่ๆ ได้แบบสบายๆ ต่อเนื่องและไม่ค่อยมีอาการรอรอบ ฟีลลิ่งคือรอบเครื่องกวาดขึ้นไปเรื่อยๆ ไม่ดึงมากเพราะแรงบิดไม่เยอะ แต่จะมีความเร็วทีเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว รอบฟาดได้จัดจ้านอีกทั้งยังลากได้เยอะ (อันนี้ถ้าเข้าใจคำว่า "แรง" กับคำว่า "เร็ว" คงพอนึกภาพออก) ที่เป็นเช่นนี้เพราะว่าลูกสุบสามเหลี่ยมหมุนอยุ่ใน Housing ไม่ได้มีการชักขึ้นลงแบบยาวๆ จนทำให้เกิดแรงเหวี่ยงอันเป็นที่มาของแรงบิด แม้จะใช้เทอร์โบใหญ่มากๆ กันแต่ก็ใว่เครื่องโรตารี่จะสามารถบูสท์ได้เยอะเท่าก ับเครื่องลูกสูบ ปกติที่ใช้กันกับเครื่อง 2 โร + T88 หรืออะไรที่ใหญ่โดยประมาณนั้น จะบูสท์กันแค่เพียงไม่เกิน 1.2 บาร์ (เท่านี้ถือว่ามากแล้ว...) เพราะถ้ามากกว่านี้เดี๋ยว Apex Seal (ทำหน้าที่คล้ายๆ แหวนลูกสูบ) คงกระจายแน่ๆ คงพอมองภาพออกกันบ้างแล้วนะครับ...ผมอธิบายพอเข้าใจม ั้ยหว่า สงสัยอะไรก็ถามเพิ่มได้นะครับ -อันนี้มาตอบให้เข้าประเด็นที่ถามกันว่าโรเทอร์โบคู่ข ับยากกว่าโรเทอร์โบเดี๋ยวมั้ย คำตอบก็คือ...ไม่เชิงว่าจะขับยากกว่าครับ อย่างที่บอกไปในตอนแรกว่าอาการรอรอบจากเทอร์โบเดี่ยว ของโรตารี่นั้นมีน้อยมากหรือแทบจะไม่มีเลย (ถ้าใช้โข่งหลังที่เหมาะสม) ดังนั้นจึงไม่รุ้สึกว่าเทอร์โบลูกใหญ่ๆ สร้างปัญหาให้ผู้ขับขี่ ข้อดีของการใช้เทอร์โบลูกใหญ่นั้นก็คือความแรงที่มาก ขึ้น (ถ้ามีอุปกรณ์รองรับมากพอ) เทียบกับเทอร์โบคู่(ลูกเล็กๆ) แล้ว เหนือกว่ากันอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งเทอร์โบคู่ลูกเล็กๆ นี้ไม่สามารถสร้างความแรงที่ทำให้ผุ้ขับขี่พึงพอใจหร ือในการแข่งขันแล้วความแรงมันอาจจะยังไม่เพียงพอ เลยทำให้รุ้สึกว่าขับยาก ยิ่งกับเครื่องที่ไม่มีแรงบิดแล้วถ้าไม่ได้แรงบูสท์ม าช่วยมันมีแต่รอบกับแค่ความเร็วจริงๆ ครับ อันนี้ถ้าใครเคยขับ RX8 คงจะพอรู้ดี ว่ารถที่ "เร็วแต่ไม่แรง" มันเป็นยังไง ปล.นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่าถ้าจะเลือกซื้อเทอร์โบ มือ 2 ควรเลือกซื้อที่มันเคยใส่อยู่ในเรื่องโร เพราะมันบูสท์น้อย เทอร์โบจะยังไม่ค่อยช้ำเท่าไหร่...(เกี่ยวกันมั้ยเนี ่ย...) ซึ่งเทอร์โบใหญ่แต่บูสท์น้อยมันเป็นอะไรที่เซฟมากๆ ฝากไว้เป็นเกร็ดเล็กๆ น้อยๆ ครับ

12-03-2010, 11:11	#4
wongpadoo ClubJZ Old Full Member วันที่สมัคร: Feb 2007 อายุ: 50 กระทู้: 181 Thanks: 1 Thanked 178 Times in 35 Posts คะแนน: 19	แล้วถ้าเปลี่ยนโบเดี่ยวและโบคู่พอประมาณแล้วต้องทำอย ่างอื่นเพิ่มตามไมครับ แล้วใสไปอย่างเดียวได้ไมครับ