ดูแบบคำตอบเดียว
เก่า 24-01-2010, 09:50   #813
rider boy
ClubJZ Full Member 2557
 
รูปส่วนตัว rider boy
 
วันที่สมัคร: Sep 2009
Car Brand: อีซูซุ ฟาสเตอร์ ปี 1976
Engine Type: เครื่องเดิมๆตั้งแต่ออกป้ายแดง
ที่อยู่: ในใจคุณ
กระทู้: 366
Thanks: 1,883
Thanked 394 Times in 165 Posts
คะแนน: 15 rider boy is on a distinguished road
ส่งข้อความผ่าน MSN ถึง rider boy
อ้างถึง:
กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ wk7000 อ่านกระทู้
สวัสดีปีใหม่เช่นกันครับ

ในมุมมองผม ผมมองว่าเครื่อง 1 และ 2J BO คงไม่ต่างกันมากมายครับ มันก็มีข้อดีและข้อเสียในตัวมันเอง (ผมอาจจะพูดถึง 2J เยอะหน่อย อ้างอิงข้อมูลจากที่ผมใช้อยู่ครับ)

1J ก็จะได้ในเรื่องของอัตราสิ้นเปลืองที่ดีกว่า 2J นิดหน่อย รอบกวาดดีกว่า เทอร์โบทำงานพร้อมกันทั้งสองลูก บูสจะเริ่มมาก็ประมาณ 2800 รอบแต่มาแล้วมาหนัก

2J จะได้เปรียบเรื่องของ CC ที่เยอะกว่า แรงบิดมาเร็วและเยอะกว่า แต่ก็กินจุกว่าเช่นกัน

สิ่งที่ทำให้ 2J ต่างจาก 1J ค่อนข้างมากคือระบบซีเควนเชียล

ที่ทำให้เทอร์โบลูกแรกทำงานตั้งแต่ประมาณ 2000 รอบเรียกแรงบิดของเครื่องออกมาได้เร็ว และลูกสองเริ่มทำประมาณ 3800 รอบทำให้รู้ว่าถึงความต่อเนื่อง

แต่มันก็มีข้อเสียของมันคือช่วง 3100 - 3800 ถ้าเป็นคนขับเรื่อย ๆ ค่อย ๆไล่คันเร่ง จะรู้สึกว่าช่วงนี้จะห้อยเพราะช่วงรอบนี้จะแบ่งไอเสี ยไปปั่นลูกที่สอง

ทำให้บูสลูกแรกจะตกลงหน่อย แต่เมื่อลูกสองทำงานก็จะดึงหนัก

ส่วนถ้าขับแบบกดคันเร่งมิดหรือคี๊กดาว์นเรียกรอบ เมื่อรอบกวาดไวลูกสองก็ทำงานไวเช่นกัน

สิ่งที่ทำให้เครื่อง 2J มีแรงบิดมากกว่า 1J ส่วนหนึ่งก็คงเป็นเพราะเทอร์โบ ด้วยขนาดใบเทอร์โบที่โตกว่า 1J เล็กน้อยจึงสร้างแรงบิดช่วงรอบกลางค่อนปลายได้ดีกว่า 1J ครับ

ถ้านำเครื่องทั้งสองมาวางบอดี้หนัก ๆ อย่างสปอร์ตไรเดอร์ซึ่งมีน้ำหนักเดิม 1.9 ตัน แน่นอนว่าเครื่องที่สามารถเรียกแรงบิดมาได้เร็วก็จะไ ด้เปรียบที่มีแรงฉุดตัวถังหนัก ๆ ไปได้ดีกว่า

ส่วนถ้านำไปวางในบอดี้เบาๆ ระดับ 1.3-1.5 ตัน ก็คงจะไม่ต่างกัน เพราะไม่จำเป็นต้องใช้แรงบิดของเครื่องเยอะก็สามารถพ ารถให้เคลื่อนที่ไปข้างหน้าได้แล้วครับ
พี่วุฒิครับผมอยากได้ใบ CT26 ซัก 1 คู่ครับ ผมจะติดต่อพี่ได้อย่างไรคับ ผมบอย 08-6789-2456 ครับ
rider boy is offline   ตอบพร้อมอ้างถึงข้อความเดิม
The Following User Says Thank You to rider boy For This Useful Post:
กัมพ์ (22-04-2011)