30-11-2009, 22:26
|
#2
|
Super Moderator
วันที่สมัคร: Oct 2006
Car Brand: My Brand
Engine Type: 2JZ-GE VVT-i A/T
ที่อยู่: กรุงเทพฯ
กระทู้: 1,768
Thanks: 633
Thanked 8,042 Times in 1,296 Posts
คะแนน: 20 
|
อ้างถึง:
กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ Buta_JZ
ขอบคุณมากคับ น้ามูน ตอบได้เข้าใจง่ายทีเดียว
ที่ผมเข้าใจก็คือ รถเราสามารถนำอากาศเข้ามาได้มากขึ้นแล้วก็ทำให้การจุ ดระเบิดดีขึ้น
เมื่อจุดระเบิดดีขึ้นหรือแรงขึ้น นี่ก็ทำให้ มีแรงม้ามากขึ้น
ใช่อย่างที่ผมเข้าใจรึเปล่า คับ
อ้อแล้วอีกอย่าง อยากรู้ว่าพอเปลี่ยนมาเป็นกรองพวกนี้แล้วอะคับ ทำให้เรารู้สึกได้รึเปล่าคับ ว่ารถเราแรงขึ้น?
|
จากที่คุณเข้าใจนั้น คล้ายๆว่าจะใช่ แต่ว่า ไม่ใช่ครับ
ต้องแบ่งความเข้าใจ ให้ถูกต้องก่อนครับ ว่า เครื่องยนต์ที่เราใช้งานอยู่นั้น จะมีสเปคแรงม้า แรงบิด ที่ถูกกำหนดมาจากโรงงาน ซึ่ง สเปคที่กำหนดนั้น เป็น สเปคสูงสุดที่ผู้ผลิตทำได้ (กรณีไม่มีการเปลี่ยนขนาดกระบอกสูบ หรือ ไม่ได้เปลี่ยนขนาดหัวฉีด)
ดังนั้น กาที่คุณบอกว่า
อ้างถึง:
รถเราสามารถนำอากาศเข้ามาได้มากขึ้นแล้วก็ทำให้การจุ ดระเบิดดีขึ้น
เมื่อจุดระเบิดดีขึ้นหรือแรงขึ้น นี่ก็ทำให้ มีแรงม้ามากขึ้น
|
มันจึงเป็นไปไม่ได้ ครับ เพราะว่า ต่อให้ กรองอากาศดีที่สุดแค่ไหน คุณก็จะได้ แรงม้า แรงบิด สูงสุดก็เพียงแค่ตามสเปคโรงงานเท่านั้นครับ แต่เนื่องจากว่า กรองอากาศที่ดีที่สุดนั้น เมื่อใช้งานไปเรื่อยๆ คุณภาพก็จะต้องด้อยลงไปเรื่อยๆตามอายุการใช้งาน จึงทำให้ แรงม้าค่อยๆหดหายไปที่ละครึ่งตัวบ้าง ตัวหนึ่งบ้าง สองตัวบ้าง ครับผม
แต่ถ้า กรองอากาศตันจริงๆ ม้าอาจจะหายไป 20 - 30 ตัวเลยก็ได้ครับ
ดังนั้น ถ้าถามว่า ถ้าเปรียบเทียบระหว่าง กรองอากาศที่ถูกใช้งานจนตันแล้ว กับ กรองอากาศที่ใหม่เอี่ยม มีคุณภาพที่ปล่อยอากาศให้เข้าไปสันดาบได้เต็มที่นั้น
อ้างถึง:
ทำให้เรารู้สึกได้รึเปล่าคับ ว่ารถเราแรงขึ้น?
|
ต้องตอบว่า รู้สึกได้ทันทีครับผม การสตาร์ทรถ ก็จะติดง่ายขึ้นด้วยครับ
ที่ผมกล่าวด้านบนนั้น เป็นพื้นฐานของรถทั่วๆไปนะครับ แต่ก็สามารถใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานของเครื่องยนต์เทอร์ โบได้เช่นกันครับ แต่ว่า เครื่องยนต์เทอร์โบมีปัจจัยร่วมอื่นๆด้วย ก็คือ เทอร์โบ ซึ่งแรงม้าอาจจะแปรผันไปตามขนาดของเทอร์โบได้ครับผม
__________________
JZM - 5
|
|
|