ประสพการณ์ความผิดปกติที่เกิดขึ้นระหว่างขับขี่ตลอด 7 วัน และการแก้ไข

[tantan]

ไม่ทราบว่าจะรู้ได้อย่างไรครับว่า O2 ของเราเสียนะครับ ผมดูจาก OBD ค่าก็ขึ้นและมีการเปลี่ยนแปลงนะครับ ผมเลยสงสัยครับว่าถ้าหากเสียงค่าจะไม่แสดงหรือไม่มีก ารเปลี่ยนแปลงที่ OBD ใช่หรือเปล่าครับ

สำหรับเรื่อง O2 ของ UZ เป็นตามที่คุณ Tong บอกไว้นะครับ โดยรอบเดินจะใช้ด้ายซ้าย เร็วใช้ด้านขวานะครับ

[Moonlight]

กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ tantan

ไม่ทราบว่าจะรู้ได้อย่างไรครับว่า O2 ของเราเสียนะครับ ผมดูจาก OBD ค่าก็ขึ้นและมีการเปลี่ยนแปลงนะครับ ผมเลยสงสัยครับว่าถ้าหากเสียงค่าจะไม่แสดงหรือไม่มีก ารเปลี่ยนแปลงที่ OBD ใช่หรือเปล่าครับ

สำหรับเรื่อง O2 ของ UZ เป็นตามที่คุณ Tong บอกไว้นะครับ โดยรอบเดินจะใช้ด้ายซ้าย เร็วใช้ด้านขวานะครับ

อ๊อกซิเจนเซนเซอร์ รุ่นใหม่ๆ เดี๋ยวนี้ จะมี ฮีทเตอร์ เป็นตัวช่วยทำให้เกิดความร้อน ซึ่งความร้อนนี่เองครับที่ทำให้ เซรามิคที่มี แร่ทองคำขาว (แพลตินั่ม) เคลือบอยู่ เกิดปฏิกริยากับอ๊อกซิเจนจนผลิตอิเลคตรอนออกมาจนเกิด แรงดันไฟฟ้าขึ้นมาครับ โดยแรงดันไฟฟ้า ตั้งแต่ 100mV - 900 mV (0.1 - 0.9 โวลท์) แล้วแต่ปริมาณอ๊อกซิเจนที่จับได้ โดยถ้าหากอัตราส่วนผสมหนา แรงดันจะเข้าใกล้ 900 mV ถ้าส่วนผสมบาง แรงดันจะเข้าใกล้ 100 mV แต่ต้องมีเงื่อนไขว่า ตัวจับอ๊อกซิเจนนี้ จะต้องได้รับอุณหภูมิความร้อนสูงถึง 350 - 400 องศาเซลเซียส จึงจะจับอ๊อกซิเจนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ต้องมีคนถามผมแน่เลยว่า แล้วอัตราส่วนผสมหนาเป็นเท่าไหร่? และ อัตราส่วนผสมบางเป็นเท่าไหร่?

• ตัวเลขที่ต่ำกว่า 12:1 ถือว่า เป็นอัตราส่วนผสมหนา
• ตัวเลขที่สูงกว่า 21:1 ถือว่า อัตราส่วนผสมบาง
• อัตราส่วนผสมระหว่างอากาศกับน้ำมันเชื้อเพลิง จะต้องเข้าใกล้ 14.7:1 จึงจะเรียกว่าเป็นอัตราส่วนผสมที่มีการเผาไหม้สมบูรณ ์ตามทฤษฎี ซึ่ง ECU จะมีการปรับค่า การฉีดน้ำมัน หลังจากที่ได้รับค่าจาก อ๊อกซิเจนเซนเซอร์แล้ว

และเมื่อ ECU ต้องได้รับ Feed-Back จากค่าของอ๊อกซิเจนเซนเซอร์ ที่อยู่ที่ทางออกของไอเสีย ก่อนที่จะปรับค่าการฮีดน้ำมันเชื้อเพลิงกับอากาศนี่เ อง จึงต้องบอกว่า ระบบทำได้เพียงแค่ ปรับให้เข้าใกล้ความสมบูรณ์ของการเผาไหม้ตามทฤษฎี เท่านั้นเองครับ ไม่สามารถทำให้แม่นยำเที่ยงตรงได้ 100 % ครับ

คราวนี้มาถึง ประเด็นคำถามแล้วว่า เราจะทราบได้อย่างไรว่า อ๊อกซิเจนเซนเซอร์ ชำรุดหรือไม่

จริงๆแล้ว ถ้าได้มีอ่าน รายละเอียดเนื้อหาของกระทู้ที่ผมตั้งขึ้นมา จะทราบว่า ผมได้บอกไปแล้วเรื่องวิธีการทราบว่า อ๊อกซิเจนเซนเซอร์ชำรุดอย่างไรหรือไม่ แต่ผมขอฉายซ้ำอีกครั้งหนึ่ง ครั้งนี้ จะอธิบายละเอียดขึ้นนะครับ

สิ่งแรกที่จะทำให้ ตัวจับอ๊อกซิเจน ทำงานได้ประสิทธิภาพหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับ ฮีทเตอร์ครับ ซึ่งจะต้องทำงานผลิตความร้อนสูงถึง 350 องศาเซลเซียส ซึ่งถ้าจะตรวจสอบ ฮีทเตอร์ เราสามารถตรวจสอบได้ 2 จุดครับ คือ

1. ตรวจสอบที่ ECU โดยการนำ มัลติมิเตอร์มาวัดแรงเคลื่อน ที่ตำแหน่ง Pin HT โดยอีกขั้วหนึ่งวัดที่ กราวนด์ จะต้องได้ 9 - 14 โวลท์
2. ตรวจสอบที่ อ๊อกซิเจนเซนเซอร์ โดยวัดค่า โอห์ม ระหว่าง HT - B+ (ต้องถอดปลั๊กก่อน) จะได้ค่า 11 - 16 โอห์ม (ที่อุณหภูมิ 20 องศาเซลเซียส) บางรุ่น จะได้ค่า 5.1 - 6.3 โอห์ม โดยถ้า วัดออกมา ได้ค่าต่ำกว่านี้ หรือได้ค่า อนันต์ (อินฟินิตี้) แสดงว่า ฮีทเตอร์ลัดวงจร ต้องเปลี่ยนทั้งตัวอ๊อกซิเจนเซนเซอร์ครับ

ทำไมจะตรวจสอบว่า อ๊อกซิเจนเซนเซอร์ชำรุดหรือไม่ แทนที่จะตรวจสอบตัวจ่ายค่าแรงเคลื่อน ของ อ๊อกซิเจนเซนเซอร์ กลับมาตรวจสอบตัวฮีทเตอร์? สาเหตุก็เพราะว่า ตัวจับอ๊อกซิเจน เป็น เซรามิคโดยมีแร่ทองคำขาวเคลือบอยู่นั้น เป็นตัวที่อยู่นิ่งๆเฉยๆ เพียงแค่ ต้องได้รับความร้อนจากฮีทเตอร์ จึงจะสามารถตรวจจับอ๊อกซิเจนได้แล้วผลิตอิเลคตรอนออก มาเป็นแรงเคลื่อนไฟฟ้าครับ ดังนั้น ตัวที่ชำรุดง่ายที่สุดของ ตัวเซนเซอร์นี้ ก็คือ ฮีทเตอร์ ครับ

ส่วนค่าที่ออกมาจาก อ๊อกซิเจนเซนเซอร์นั้น สามารถตรวจวัดออกมาได้ โดยวัดแรงเคลื่อน ที่ ECU ที่ Pin ตำแหน่ง Ox ซึ่งจะจ่ายแรงเคลื่อนออกมาที่ 100 - 900 mV หรือ 0.1 - 0.9 โวลท์ ครับ ซึ่งถ้า ฮีทเตอร์ชำรุดไม่ทำงาน ค่าแรงเคลื่อน ก็จะเพี้ยนตัวเลขไป หรือ ไม่เกิดแรงเคลื่อนออกมาครับ