ดูแบบคำตอบเดียว
เก่า 05-12-2009, 05:10   #11
mr.tu
Member
 
วันที่สมัคร: Jul 2009
Car Brand: mity x
Engine Type: 1jz
ที่อยู่: saraburi
กระทู้: 46
Thanks: 49
Thanked 41 Times in 24 Posts
คะแนน: 0 mr.tu is on a distinguished road
อ้างถึง:
กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ Moonlight อ่านกระทู้
ผมสรุปง่ายๆให้เข้าใจก็แล้วกันนะครับ

ขั้ว 85 ของ รีเลย์ทั้ง 2 ตัว คือ กราวนด์ทั้งคู่ครับ เพียงแต่ว่า รีเลย์ตัวที่ 2 รับสัญญาณกราวนด์มาจาก กล่อง ECU ที่มีชื่อ Pin ว่า FC ครับ ถ้าไม่มี กราวน์ จาก FC ออกมา รีเลย์ตัวที่ 2 ก็จะไม่ครบวงจร ขั้ว 87 ของตัวที่ 2 ก็จะไม่มีไฟ (+) ออกมา

ขณะเดียวกัน รีเลย์ตัวที่ 1 ที่ดูเหมือนจะครบวงจร แต่ว่า ขั้ว 87 ก็จะไม่มีไฟ (+) ออกมาเช่นกัน เนื่องจากว่า ถ้าสวิทช์กุญแจ ยังไม่ปล่อยสัญญาณ จาก STA ออกมา (ยังไม่บิดสตาร์ท) ดังนั้น ขั้ว 87 ของทั้ง 2 รีเลย์ ก็จะยังไม่มีขั้ว (+) ออกมาส่งไปยัง FP ของปลั๊กตรวจสอบ และส่ง (+) ไปยังปลั๊กปั๊มติ๊กครับ

จนกระทั่ง USER บิดกุญแจสตาร์ท ส่งสัญญาณ (+) ออกมา และ กล่อง ECU ส่งสัญญาณ FC (-) ออกมา ทุกอย่างจึงครบวงจร ปั๊มติ๊กจึงทำงานครับผม ขั้ว FP มีไว้ตรวจสอบว่า มีสัญญาณ (+) ไปให้ปั๊มติ๊กหรือไม่ และยังสามารถใช้จั๊มต่อสัญญาณเพื่อทดสอบปั๊มติ๊ก ด้วยครับ

มองเห็นภาพชัดเจนยิ่งกว่าจอ led ทีวีของ samsuang เกือบ 100% ขาด 1 % ครับ ผมขอถามอีกคำ 2 คำถามครับ
1. relay ที่ 1 มีเหตุผลอะไรที่ต่อลงกราวด์โดยตรง 1 ตัว ครับ หรือว่าเป็น relay start ชั่วคราวเมื่อเครื่องยนต์ติดก็หยุดทำงาน กรณีนี้ผมมองในลักษณะที่เมื่อ บิดมา start เครื่องยนต์ จะมีสัญญาณไฟบวกออกมาทำให้ relay ทำงาน เมื่อ start ติดแล้ว switch กุญแจก็จะถอยกลับมาอีกตำแหน่งหนึ่งทำให้ ไม่มีไฟไปจ่ายให้ relay ตัวที่ 1 แต่มีตัวที่ 2 ทำงานแทน

2. ถ้าเป็นแบบที่ผมเข้าใจการทำงานตามข้อ 1 งั้นรถยนต์ทั่วๆไป น่าจะมี 2 ตัว หรือเปล่า (ถ้าเป็นงั้นจริง ในมุมมองส่วนตัว ผมว่าสิ้นเปลืองเกินไป และอาจสร้างปัญหาในอนาคตเรื่องการซ่อมหรือเปล่าครับ
2. ถ้ารถเกิดอุบัติเหตุทำให้เครื่องยนต์ดับ
mr.tu is offline   ตอบพร้อมอ้างถึงข้อความเดิม
The Following 3 Users Say Thank You to mr.tu For This Useful Post:
borancar (07-12-2009), joe-civil@jz (28-10-2010), tfr_jz (24-04-2012)