ดูแบบคำตอบเดียว
เก่า 30-12-2008, 17:10   #17
Moonlight
Super Moderator
 
รูปส่วนตัว Moonlight
 
วันที่สมัคร: Oct 2006
Car Brand: My Brand
Engine Type: 2JZ-GE VVT-i A/T
ที่อยู่: กรุงเทพฯ
กระทู้: 1,768
Thanks: 633
Thanked 8,042 Times in 1,296 Posts
คะแนน: 19 Moonlight is on a distinguished road
ส่งข้อความผ่าน MSN ถึง Moonlight
ผมอ่านกระทู้นี้ตั้งนานแล้ว ว่าจะพิมพ์เขียนแสดงความคิดเห็นตั้งแต่แรกแล้ว แต่เพราะว่า ระหว่างที่พิมพ์อยู่บังเอิญติดธุระกระทันหัน ประกอบกับเห็นมีท่านอื่นตอบไปแล้ว จึงลบข้อความทิ้งแล้วไปธุระ

พอมีคนขุดกลับมา จึงจำได้ว่า เคยพิมพ์แล้วลบทิ้งไป จึงขอกลับมาพิมพ์แสดงความคิดเห็นใหม่ครับ

เคยมีคนเข้าใจผิดเรื่อง การใช้รถและรอบเครื่องยนต์ตอนสตาร์ทเย็น ครับ จุดประสงค์ที่โรงงานผลิตปรับรอบเครื่องยนต์ตอนสตาร์ท เย็นนั้น ให้รอบสูงกว่าปกติ ไม่ใช่เพียงเพื่อให้เครื่องยนต์ร้อนเร็วขึ้นอย่างเดี ยวเท่านั้นนะครับ (ตามที่เคยกล่าวไว้ว่า ชิ้นส่วนเครื่องยนต์จะขยายตัวเต็มที่เมื่ออุณหภูมิขอ งน้ำหล่อเย็นภายในเครื่องยนต์ประมาณ 80 - 97 องศาเซลเซียส) การที่ทำให้รอบเครื่องขึ้นสูงตอนสตาร์ทเย็นนั้น ยังต้องการให้น้ำมันเครื่องที่อยู่ก้นแคร้ง รีบถูกปั๊มดูดไปฉีดหล่อลื่นให้ทั่วเครื่องยนต์ (รอบเครื่องยิ่งสูง ปั๊มยิ่งดูดแรง (ความสำคัญของเกรดน้ำมันเครื่องจึงจำเป็นด้วยครั บ)) วึ่งปกติ รอบเครื่องยนต์ตอนสตาร์ทเย็น ควรอยู่ที่ประมาณ 1300 ถึง 1800 รอบ (เปิดแอร์กับไม่เปิดแอร์)

ประเด็นไม่ได้อยู่ที่ว่า รอบเครื่องเดินเบาสูงตอนสตาร์ทเย็น นานแค่ไหนบางท่านว่า 3 นาที บางท่านว่า 5 นาที บางท่านอาจจะสงสัยว่า รถเราผิดปกติหรือเปล่า ทำไมต้องใช้เวลานานเกิน 5 นาทีเสียอีก

ประเด็นสำคัญไม่ใช่ระยะเวลาครับ มันเป็นเพราะ อุณหภูมิของน้ำหล่อเย็น ที่ถูกวัดด้วย เทอร์มิสเตอร์ ของเครื่องยนต์ต่างหากครับ ถ้า สวิทช์เทอร์มิสเตอร์ (THW) วัดได้อุณหภูมิ 80 องศา จะส่งสัญญาณไปที่ ECU ให้ไปสั่งให้มอเตอร์ปรับรอบเดินเบาเข้าสู่ภาวะปกติเอ งครับ แล้วทำไมบางท่านใช้เวลาไม่เท่ากัน? ก็เพราะแต่ละท่าน อยู่ต่างสถานที่กันครับ อุณหภูมิในอากาศก่อนสตาร์ท เป็นตัวทำให้อุณหภูมิน้ำหล่อเย็นไม่เท่ากันครับ อุณหภูมิอากาศที่เชียงราย ก็คงไม่เท่ากับอุณหภูมิอากาศที่กรุงเทพ (อย่างนี้ รอบเครื่องของรถที่อยู่ที่รัสเซีย ก็ต้องนานกว่าที่เมืองไทยซิ? ต้องตอบว่า ใช่ครับ แต่ต้องไม่ลืมว่าเขาใช้เกรดน้ำมันเครื่องต่างจากบ้าน เราครับ)

แต่ที่ผมบอกว่า หลายๆท่านเข้าใจผิดกันนั้น ไม่ใช่ประเด็นนี้ครับ ประเด็นที่ผมต้องการสื่อให้ทราบคือว่า วัตถุประสงค์ของผู้ผลิตที่ทำเช่นนี้ (เขียนไว้ด้านบนแล้ว) ฉะนั้น ผู้ใช้รถ จึงไม่จำเป็นที่จะต้องรอให้รอบเครื่องยนต์เดินเบาอยู ่ในสภาพปกติ ค่อยออกรถได้ครับ แม้กระทั่งผู้ผลิตเอง ก็ยังมีวัตถุประสงค์ให้ผู้ใช้รถ สามารถออกรถได้เลยครับ ดูได้จาก ในระบบเกียร์ออโต้ ผู้ผลิตรถยนต์ กำหนดให้เกียร์ออโต้ ทำการล๊อคอัพและเข้าโอเวอร์ไดร์ฟได้ที่อุณหภูมิ 60 องศาเซลเซียส (ต่ำกว่า 60 เข้า O/D ไม่ได้ครับ) แสดงว่า ผู้ผลิตเขาทำระบบป้องกันไว้เรียบร้อยแล้วครับ

เพียงแต่ว่า เวลาที่คุณสตาร์ทเย็น ให้ตรวจสอบความพร้อมของเครื่องยนต์ เช่น ระบบน้ำหล่อเย็น เช็คน้ำมันเครื่อง น้ำมันเบรค น้ำมันเกียร์ เช็คลมยาง (อาจจะดูด้วยตาเปล่าก็ได้) ใช้เวลาไม่เกิน 1 นาที จากนั้น ก็ออกรถได้เลยครับ โดยแรกๆ อาจจะออกตัวช้าๆ (อาจจะมีการกระตุกบ้างเนื่องจากรอบเครื่องสูง) วิ่งใช้ความเร็วไม่เกิน 40 กม./ชม. (เป็นการช่วยให้ปั๊มน้ำมันเครื่องฉีดน้ำมันเครื่องให้ ทั่วเร็วขึ้นด้วยครับ และช่วยทำให้อุณหภูมิเครื่องยนต์ร้อนเร็วขึ้นด้วยครั บ) สักประมาณ อีกประมาณ 2 นาที (รวมเป็น 3 นาที(เวลาโดยประมาณ หรือดูที่เกจ์ความร้อนขึ้นมาที่ 80 องศา)) จากนั้น คุณก็ซิ่งตามใจปรารถนาได้แล้วครับ
__________________
JZM - 5

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Moonlight : 30-12-2008 เมื่อ 18:13.
Moonlight is offline   ตอบพร้อมอ้างถึงข้อความเดิม
The Following 3 Users Say Thank You to Moonlight For This Useful Post:
FighterJz (08-07-2012), KITO (22-04-2010), tong_san (19-11-2009)