อ้างถึง:
กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ commusio
อ่านจบแล้วครับ เตรียมคัดลอกไปนั่งท่อง อิอิ แต่ข้อ16ปฎิบัติยากนะ ชอบเกรงใจทุกที
เดี๋ยวว่างๆลบออกด้วยนะกลัว สปายของเซียงกงจะรู้ทัน
ต่อเก่งขนาดนี้ ถ้าพูดญี่ปุ่นเป็นด้วยน่าจะไปหารถตามสุสานหรือรถเต็น ท์ที่ญี่ปุ่นมาตัดแยกขายชิ้นส่วนจริงๆ เผื่อรวย
น้าไม่สนใจเอารถจากญี่ปุ่นแยกชิ้นส่วนขายบ้างหรือคับ รถบ้านเค้าถูกมากจริงๆ พอดีผมเคยถามเจ๊ที่เซียงกงมาเรื่องจะเอารถจากญี่ปุ่น มา ตัดแยกชิ้นส่วนขายอย่างเซียงกงต้องทำไงบ้าง เจ๊เจ้าของร้านแกก็บอก มีเงินเยอะก็ยังทำไม่ได้เพราะมันหลายเรื่อง(ที่เจ๊แก บอกอย่างนี้น่าจะไม่อยากให้ทำกลัวคู่แข่งเพิ่มมั้ง) ตอนนี้ผมก็ยังงงๆอยู่ที่เจ๊แกบอกว่าอย่าไปทำมันเลย ถึงมีเงินเยอะก็ทำไม่ได้ ไม่รู้เพราะอะไร หรืออาจจะกลัวมีคู่แข่งเพิ่ม แต่จริงๆ ผมว่า เอาของจากญี่ปุ่นมาขายที่นี่น่าจะไม่ต้องลงทุนเยอะมา กนะ แต่ไม่รู้ทำไมเจ๊แกไม่แนะนำให้ทำ ทั้งๆที่ ที่ญี่ปุ่นรถราคาโคตรถูก ขนาดรถตามเต็นท์ญี่ปุ่น ราคายังถูกอย่างมากเลย แล้วนับภาษาอะไรกับรถที่ทิ้งไว้ในสุสานอย่างรถเสีย หรือโดนชนนิดๆหน่อยๆ จอดกันเต็ม จนแน่น อีกอย่างรถในนั้น ใครจะเข้าไปรื้อ หรือ อยากได้อะไหล่ชิ้นไหนก็เข้าไปรื้อเอาได้เลยตามสบาย แต่เก็บค่าประตูนิดนึง
น้าลองกดเข้าไปดู ผมเอามาโพสไว้หลายกระทู้แล้ว
http://www.tradecarview.com/used_car...&jid=2002&so=7
|
อ่ะช่วยหาข้อมูลมาตอบให้ครับ เดี๋ยวว่างๆจะลงข้อมูลเชิงลึก ว่า ในการที่เราจะนำรถเข้า มาใช้เอง1 คันต้องจ่ายอะไรบ้าง
เอาอันนี้ไปอ่านเล่นๆ เดี๋ยวว่างจะเอาขั้นตอนและการเตรียมหลัก ฐ ถ้ายังหาเจออ่ะนะ จะเอา มาให้ดูครับ ว่าต้องจ่ายยิบยับอีกเท่าไร
ส่วนเรื่องอะไหล่เป็นเส้นทางที่หน้าคิดเพราะเสียภาษี ไม่มากมายอะไรนัก ลงทุนต่ำมากๆ แต่ติดที่ เล่นพักเล่นพวกเท่านั้นแหละครับ พอดีมีเพื่อนเป็นคนตัดซากมาขายเองอยู่ มันก็ทำกันเองในพี่น้องมัน 3คน ก็ไม่เห็นมีอะไร แต่มีเพียง ข้อมูลข่าวสาร ที่เค้าบอกว่า ต้องคอยตามข่าวไวๆ ตลอด (ข่าวนี่แหละมักมาแต่กลุ่มพรรคพวก ว่าเมื่อไร ที่ไหน อย่างไร รวมถึงฮั้วประมูล และอื่นๆอีกเยอะพอสมควร) ถึงจะได้ของสดๆ ดีๆ ได้ราคา กลับมาขายให้ได้กำไรคุ้มค่าเดินทางค่าขนส่งครับ
2ลิ้งนี้เป็นข้อมูลเบื่องต้นในการเสียภาษีต่างๆ ของรถที่เราจะนำเข้ามาใช้เองครับ ลองอ่านดูครับว่ามีเสียค่าอะไรบ้าง ของจริงจะมีเยอะกว่านี้อีกนิดนึง2-3อย่างครับ
http://www.pattanakit.net/index.php?...7388&Ntype=120
http://guru.sanook.com/answer/questi...4%E0%B8%A3%3F/
อันนี้ก๊อปมาฝาก เพิ่มเติม จากเว็บเพื่อนบ้านครับ กระทู้เค้ากำลังจะหมดอายุเลยก๊อปมาฝากแทน
ข้อมูล ประเด็นรถจดประกอบ ที่ถูกต้อง จะต้องมีขั้นตอนดังนี้
1 นำเข้ารถคันนั้น เข้ามา เป็นชิ้นส่วนอะไหล่ และได้รับการ รับรอง ถูกต้องมีเอกสารอินวอยซ์ อะไหล่ตัวถัง และ เครื่องยนต์ ที่มีหมายเลขกำกับถูกต้อง ตัวถังที่นำเข้า จะไม่ได้มีการตัดครึ่งเหมือน พวกรถที่นำมาทำอะไหล่ พวกนี้ เสียภาษีตรงตัวถัง 30% ซึ่งสูง เหมือนกัน (แต่ก่อนพวกเค้า เอาเข้ามาเป็นอะไหล่ จะตัดหัว ตัดท้าย เข้ามา เพื่อไม่ต้องเสียภาษีตรงนี้ แต่ว่า ถ้าเป็นรถที่เค้าจะเอามาจดประกอบ จะเอามาทั้งคัน และเสียภาษีตรงนี้ 30% (ตรงนี้ เป็นเอกสาร อินวอยซ์ การนำเข้า และเสียภาษี จากศุลกากร)
2 ได้รับการประกอบขึ้นเป็นตัวรถมือสอง จากชิ้นส่วนอะไหล่ดังกล่าวข้างต้น แล้วทำรายงาน อุปกรณ์ ต่างๆ ประจำรถโดยละเอียด เพื่อส่งประเมินภาษี สรรพสามิตร จากกรมสรรพสามิตร และเสียภาษีเต็มจำนวนโดยถูกต้อง ตาม ภาษีที่ประเมิน (ภาษี ตรงนี้ก็ประมาณ 30% ของราคาประเมิน)
3 รถที่เสียสรรพสามิตร แล้ว ก็จะต้องนำส่งตรวจ มาตรฐาน อุตสหกรรมที่ (สมอ.) ให้ได้รับ การรับรองว่าได้มาตรฐาน
4 นำรถที่ เสียภาษีถูกต้องแล้ว จดทะเบียน ได้เหมือนรถป้ายแดง ที่ซื้อจากบริษัทรถ ทั่วไป
จุดที่ต้องระวังเป็นพิเศษ ในการซื้อรถพวกนี้ ที่ต้องคอยเช็คฃ
1 ตรวจดูเอกสารอินวอยซ์ นำเข้า ว่า มีการเสียภาษี ศุลกากร ถูกต้อง และหมายเลขเครื่องยนต์ และตัวถัง ตรงกับ รถคันที่เราซื้อหรือไม่
2 ได้รับการประกอบ จากโรงงานที่ได้รับอนุญาต จากกรมสรรพสามิตร และ เสียภาษีสรรพสามิตรถูกต้อง จาก กรมสรรพสามิตร จริง (ตรวจสอบหลักฐาน การเสียภาษีให้ถูกต้อง และถ้าให้ชัวร์ ควร เอาหมายเลข เครื่องและตัวถังรถ ตรวจสอบตรงกับ กรมสรรพสามิตรด้วย เพราะว่า เคยได้ยินว่า มีการปลอมแปลง เอกสารการเสียภาษีสรรพสามิตร ของรถคันเดียว แต่ไปแก้เลข เอาไปสวมรอย จดกับรถคันอื่นรุ่นเดียวกัน หลายๆคัน อันนี้ ได้ยินเค้าพูดกันมา ดังนั้นตรวจสอบให้แน่นอน ก็ยิ่งดี)
3 ได้รับการตรวจ สมอ. เรียบร้อย ถูกต้อง ( ส่วนใครจะไปลดค่าใช้จ่ายโดยการเลี่ยงไปจดแก๊ซ ต่างจังหวัด ตามการอนุโลมปัจจุบัน ก็ต้องรับความเสี่ยงตรงนั้น แต่ผมเอง ไม่เห็นด้วย อย่างยิ่ง)
4 รถจดทะเบียนถูกต้อง และ ส่วนใหญ่รถที่จดทะเบียนถูกต้อง ตามนี้ มักจะจดมือแรก ออกที่กทม.เลย ไม่ได้แจ้งย้ายข้ามมาจากต่างจังหวัด ซึ่งมักเป็นรถที่เลี่ยง กฏอื่นๆ หลาอย่าง อย่างที่ว่ากัน)
ส่วนอันนี้ คือ จุดที่เค้า เลี่ยงภาษี ที่มีการทำกัน และ ใช้ช่องโหว่ ของกฏหมาย ซึ่งไม่แนะนำ
1 นำเข้ารถผิดกฏหมาย มาทั้งคัน แล้ว ปล่อยให้ศุลกาการ จับ แล้ว เข้าไปประมูล ซื้อคืนมา แล้วจดทะเบียนได้เลย ซึ่งก็ทำกันทั้งรถเก่า และรถใหม่ (บางคนอาจจะถาม ว่า แล้วเค้าไม่กลัว คนอื่นไปแย่งประมูล รถเค้าเหรอ ต้องบอกว่า วงการนี้ เค้าแบ่ง โซนกัน ไม่ข้ามกัน (คนนอกก็ไม่กล้าไปยุ่ง) ตรงนี้ อยากให้เลิกเอารถมาประมูล แต่ให้เอาไปใช้กับหน่วยงานต่างๆ แทนมากกว่า หรือ ไม่ก็ทำลายทิ้งไปเลย จะได้ตัดวงจร ผิด ตรงนี้
2 พวกนี้ ประกอบรถขึ้นมา แล้ว ไม่แจ้งเสียสรรพสามิตร แต่ ไปยอมให้ สรรพสามิตร ต่างจังหวัด ที่เค้ารู้จักกัน จับปรับ รวมภาษี สามเท่า โดยประเมินภาษีต่ำ ทำให้ รวมแล้ว เสียภาษีน้อยกว่า แล้วเอาใบเสร็จค่าปรับนี้ ไปจดทะเบียนแทนการเสียภาษีสรรพสามิตรได้ อันนี้อันตราย เนื่องจากการประเมินภาษีต่ำ อาจจะถูกตามเรียกเก็บภาษีเพิ่มได้ และ ความจริง ก็ยังมีการถกกันว่า ค่าปรับนี้ จริงๆมันไม่น่าจะเป็นแค่ค่าปรับ ไม่น่าจะใช้แทนใบเสร็จ สรรพสามิตรได้ (ตรงนี้ ถ้าจะแก้ อาจจะแก้โดยการที่ การประเมินภาษี และปรับ เพื่อให้ เอาไปจดทะเบียนได้ ต้อง ใช้ ราคาอ้างอิง หรือ การประเมินจาก กรมใหญ่ และตรวจสอบให้ถูกต้อง)
3 การเลี่ยง ไม่ส่งตรวจ สมอ.ที่เสียค่าใช้จ่าย คันล่ะเป็นแสน โดยการเลี่ยงไปติดแก๊ซ และจดเป็นรถใช้แก๊ซ ซึ่งตรวจสภาพต่างจังหวัดได้ แล้ว ทำทะเบียนต่างจังหวัด ก่อนแจ้งย่าย เข้ามากทม. ภายหลัง โดยอาจจะแจ้งเล่มทะเบียนหาย แล้วออกเล่มใหม่ เพื่อล้างประวัติ (แต่เราให้ขนส่งเช็คตรวจสอบได้ ว่า มันจดที่กทม.เลย หรือ มาจากต่างจังหวัด)
ทั้งหมดนี่คือ ขั้นตอนที่ผม พยายามสอบถาม จากผู้เกี่ยวข้องหลายๆ ฝ่าย นำมา เสนอให้พวกเราได้รับทราบ เพื่อจะได้รู้จักรถพวกนี้ ว่า เค้ามีระเบียบ ตามกฏหมายอย่างไร ถ้าจะซื้อจะได้ระมัดระวังได้ถูกต้อง
และพวกที่เค้าเลี่ยงผิดกฏหมายเค้าทำกันอย่างไร จะได้รู้เท่าทันคนอื่นๆเค้า
ใคร มีข้อมูลตรงไหน ช่วยกันเพิ่มเติมให้เพื่อนๆ ได้นะครับ
แต่อยากให้จับประเด็น เรื่องรถจดประกอบ ที่ถูกต้อง ตามที่กฏหมายกำหนดให้เท่านั้น อย่าไปปนกับ รถผิดกฏหมาย อื่นๆ อย่างที่บอกไว้ ครับ
หวังว่า ข้อมูล ต่างๆ เหล่านี้ คงเป็นประโยชน์ และตอบข้อสงสัยเพื่อนๆ เกี่ยวกับรถจดประกอบ ได้ บ้างนะครับ
จริงๆแล้ว เรื่องรถมือสอง จดประกอบ นี่มันมีกฏหมายมานาน แต่ เพิ่งมาบูม ทำกันจริงๆ จังไม่นานนี้เอง
มาทำความรู้จักกันคร่าวๆ
การจดประกอบนั้น จะเป็นรถมือสอง ที่นำเข้ามาเป็น ชิ้นส่วน อะไหล่ (Invoice) (โดยไม่ได้ตัดตัวถังผ่าครึ่งเข้ามาเหมือน พวกเอามาทำอะไหล่เซียงกง)
มีการจดทำกันหลายแบบ ทั้ง ที่ถูกต้อง และไม่ถูกต้อง
หลักการก็คือ ซื้อ เค้าจะซื้อรถมือสองจากเต๊นต์ หรือ ประมูลจากเว็บญี่ปุ่น แล้ว ถอดแยกเป็นชิ้นส่วนอะไหล่ นำเข้ามาเป็นอินวอยซ์ (แต่ จริงๆ แล้วหลายแห่ง แค่แยกเครื่อง กับถอดล้อ แล้ว ใส่คอนเทนเนอร์มาเลย ใช้กำลังภายในนิดหน่อย ให้ ศุลกากร เห็นว่ามัน เป็นกองชิ้นส่วนอะไหล่ ไม่ใช่ รถทั้งคัน)
พอเข้ามาแล้ว ก็ประกอบกลับเข้าไป ถ้าถอดแค่เครื่อง อย่างที่ว่า ประกอบวันสองวันก็เสร็จ
ทีนี้ มาถึงการจดทะเบียน แบบประกอบจากชิ้นส่วนรถเก่า หรือ จดประกอบ มีหลายแบบ หลายราคา ซิกแซ้กกันสนุก
ค่าใช้จ่ายหลักส่วนแรกที่เข้ามาเกี่ยวข้องคือ ภาษีสรรพสามิตร ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายหลัก
ยกตัวอย่าง เช่น ผมเคยไปดู CLK 320 ปี 2004 คันนึง
คันนี้ จดสรรพสามิตรถูกต้อง แบบประเมินที่กรม ในกทม. มีใบเสร็จรับรองถูกต้อง ค่าภาษีสรรพสามิตร ประมาณ 7 แสนบาท อันนี้ ถ้าทำถูกต้อง หลักฐานครบ ไม่มีปัญหาการเรียกภาษีย้อนหลัง ปลอดภัย
แต่บางแห่ง อาจจะใช้การซิกแซ็ก เช่น เอาไป ต่างจังหวัด ให้สรรพสามิตร จังหวัด ที่คุ้นเคยกันจับ และจัดการปรับ
โดยการประเมินค่าภาษี จะตีต่ำกว่า ความเป็นจริง เช่นอาจจะตีว่า คันนี้ ต้องเสียสรรพสามิตร 1 แสน เมื่อไม่เสียต้องมาเสียพร้อมค่าปรับ รวมสามเท่า คือ 3 แสน ซึ่งหลังจากเสียค่าปรับแล้ว ก็เอาหลักฐาน ไปจดทะเบียนได้ ประหยัดค่าภาษีสรรพสามิตรไปได้หลายแสน
แต่ การจดแบบนี้ ถ้า ตอนหลังเค้าติดตาม มา พบว่ามีการประเมินต่ำกว่า จริง อาจจะโดนเรียกเพิ่มย้อนหลัง ที่นี้ ล่ะหนัก ได้ยินมาว่า การติดตามเรียกภาษีเพิ่มนี้มีอายุ 2 ปี
ค่าใช้จ่ายสำคัญอันที่สอง ก็คือ การตรวจสมอ. หรือ ตรวจมาตรฐานอุตสากรรม วิศวกรรม ของรถ
อันนี้ ก็เหมือน ตรวจ สมอ. ของมอร์เตอร์ไซค์นั่นแหละ รถที่ จดประกอบ พอประกอบเสร็จแล้ว ต้องตรวจสมอ. ว่าได้มาตรฐานก่อน นำไปจดทะเบียน
ขั้นตอนนี้ ถ้าทำเอง โดยไม่มีเส้นสาย ผ่านยาก ส่วนใหญ่ ต้องใช้กำลังภายใน มีเส้นสายในการติดต่อ ถึงจะผ่านการตรวจได้ ซึ่งคนทำจดประกอบ เค้ามีช่องทางทำได้ ซึ่งถ้าทำแบบถูกต้อง(แต่ต้องมีเส้น) ค่าใช้ จ่ายก็รวมทั้งกำลังภายใน นี่ออกมาราวๆ 3 แสน บาท (พวก ที่ไปยื่นตรวจเอง ค่าธรรมเนียมการตรวจ สมอ. จะน้อยกว่า นี้ แต่อย่างที่บอก ผ่านยาก และ ตรวจไม่ผ่านเสียค่าตรวจฟรีไปเลย )
ดังนั้น รถCLK 320 คันที่ว่า นี่ รวมเป็นต้นทุนคร่าวๆ ทางภาษี และ สมอ.สำหรับรถคันดังกล่าว คือประมาณ 1 ล้านบาท
ส่วนราคาที่เค้า ขายในเว็บ คือ 2.4 ล้าน เพื่อนผม ต่อ 2.3 ล้าน แต่ว่าโดนตัดหน้าไปแล้ว อิๆ
ในส่วนของการตรวจ สมอ.นั้น บางคน เลี่ยงโดยการไปจดแก๊ซ โดยใช้ช่องว่างของกฏหมายที่ว่า ถ้ารถที่ใช้พลังงานทดแทนอื่น นอกจากน้ำมัน เช่น รถใช้ แก๊ซ ไม่ต้อง ส่งตรวจ สมอ.(ยกเว้นให้) ดังนั้น บางคนจะเอารถไป ติดตั้งแก๊ซ แล้ว เอาไปจดทะเบียน เป็นรถใช้แก๊ซ ออกมา ซึ่งมักใช้จดกันตามต่างจังหวัด (ใช้เส้นง่ายมั้ง) แล้ว ตอนหลัง ค่อยแจ้งย้่ายกลับไป กทม. รวมทั้งบางคน อาจจะใช้เส้นสาย แจ้งหาย ทำเล่มใหม่ ล้างเล่ม ลบประวัติเก่าไปเลย ไม่ให้รู้ว่าจดมาอย่างไร
ดังนั้นการซื้อรถพวกนี้ จุดสำคัญ น่าจะเป็นการดู การส่งตรวจสมอ. และ การเสียสรรพสามิตรที่ถูกต้อง จากกรมสรรพสามิตร ในกทม.เป็นหลักฐานด้วย จะได้ไม่ต้องเสี่ยงการโดนเรียกย้อนหลัง
แต่ถ้าใคร คิดว่า จะเลี่ยง ซิกแซ็กดังกล่าว ก็ต้อง รับความเสี่ยงกันไป แต่ที่สำคัญอย่าให้เค้าเอา รถที่จดเลี่่ยงมาขายเราเต็มราคา แบบ ไม่บอก(ต้องจ่ายแพง แต่ยังเสี่ยง) ยังนี้ไม่คุ้ม ดูกันดีๆ ครับ
ขอให้มีความสุขกับรถนะคับ
อีกอย่าง เท่าที่สังเกตุ รถมือสองจากญี่ปุ่น ปีเท่าๆกับเรา สภาพ โทรมกว่า รถบ้านเรา ซึ่งน่าจะเป็นเพราะว่า บ้านเค้ารถถูก แล้ว อายุใช้งานรถเก่า มันไม่นานใช้นานภาษีแพง เลยใช้กันแบบไม่ค่อยดูแล ไม่เหมือนบ้านเราที่รถแพง ดูแลกัน เต็มที่ (คุ้มที่จะดูแล) ต้องเลือกให้ดีๆ ครับ
เครดิตเว็บเพื่อนบ้าน