ดูแบบคำตอบเดียว
เก่า 23-08-2010, 09:47   #6
rakpongjar
ClubJZ Web Register
 
วันที่สมัคร: Aug 2010
Car Brand: TOYOTA
Engine Type: 1.5 VVT-i
ที่อยู่: Rayong
กระทู้: 2
Thanks: 0
Thanked 1 Time in 1 Post
คะแนน: 0 rakpongjar is on a distinguished road
รถใช้น้ำ ใช้อยู่ ปัจจุบันมีสมาชิกกว่า 40 คัน Water Power Car Club

ถ้าใช้กระแสสูงๆ 10 A ขึ้นไปจะมีปัญหากับระบบไฟครับ ถ้าประหยัดได้เกิน 30% ก็ไม่คุ้มกับต้องซ่อมระบบไฟ เอาที่มันพอดีๆ ดีกว่าครับของที่พวกผมทำ ใช้กระแสประมาณ 1 A กว่าๆ ประหยัด(รถดีเซล) ได้ 20-30% เครื่องยนต์มีประสิทธิภาพดีขึ้น ควันดำแทบไม่มีเลย ราคาก็ 6,900 บาท ชิวๆ คันแรกที่ติดตั้งใช้งานมากว่า 3 ปี และ กว่า 60,000 กม.(คันต้นแบบ) เครื่องยนต์ยังเนียบอยู่เลย ความเร็วที่ 50 กม.คงที่ใช้เกียร์ 5 วิ่งเครื่องไม่น็อคหรือสั่นเลย ดูข้อความที่ผู้มีประสบการณ์เขียนเรื่องการเลือกซื้อ ระบบ HHO นะครับ โหลดมานานแล้วจำไม่ได้ ไม่ลงชื่อไว้ด้วย ก็เลยไม่รู้จะให้เครดิตอย่างไร ก็อ่านโดยใช้วิจารณญาณก็แล้วกัน

ข้อแนะนำการเลือกซื้อเครื่องผลิต ก๊าซไฮโดรเจนจากน้ำ ด้วยไฟฟ้า เพื่อใช้ร่วมกับเชื้อเพลิงของรถยนต์ โดยผู้ชำนาญการ
1. การทำงานภายใต้อุณหภูมิภายนอก (Ambient Temperature) ควรทำงานได้ในขณะที่อุณหภูมิรอบๆตัวมันเกินกว่า 75 ํC เนื่องด้วยในห้องเครื่องจะมีอุณหภูมิประมาณนี้ ตัวเครื่องผลิตก๊าซเมื่อทำงานไปสักพักหนึ่งแล้วจะต้อ งมีอุณหภูมิต่ำกว่าอุณหภูมิภายนอก ไม่เช่นนั้นจะไม่มีการระบายความร้อน เกิด over heat อายุการทำงานของเครื่องไม่ยืนยาว หากเครื่องของท่านทำงานแล้วร้อนถึง 70 ํC ท่านไม่สมควรติดตั้งไว้ในห้องเครื่อง ทางที่ดีอย่าซื้อเครื่องแบบนี้จะดีกว่า
2. ขนาดของเครื่อง ขึ้นอยู่กับการออกแบบของผู้ผลิตก็จริง สำหรับรถยนต์สี่ล้อทั่วๆไปปริมาตรรวมของตัวเครื่องน่ าจะอยู่ในช่วง 1 ถึง 1.5 ลิตรก็เพียงพอจะไม่เกะกะมากเกินไป บางยี่ห้อเทียบได้กับโทรศัพท์รุ่นกระดูกหมาคือใหญ่มา ก บางยี่ห้อ บางถ่ายรูปได้ อันนี้แล้วแต่ชอบไม่ว่ากัน
3. การกินพลังงานหรือกินกระแสไฟฟ้า เป็นข้อสำคัญลำดับแรกในการตัดสินใจเลือกซื้อ หากท่านเลือกซื้อเครื่องที่กินกระแสมาก ๆ เช่น 10Amps. เท่ากับท่านเปิดเครื่องเสียงขนาด 138 Watt ตลอดเวลาไดชาร์ตของท่านจะทำงานหนัก แปรงถ่านจะสึกหรอเร็ว และหากท่านเดินทางสั้น ๆ คือ start เครื่องบ่อย Battery อาจหมดเร็ว หรือเสื่อมเร็วเป็นเงาตามตัว ยิ่งพวกที่กินกระแส 15 ถึง 30 Amp. เปิดไปสักพักจะใช้พลังงานเท่ากับ 30 A. x 13.8 V. = 414 Watts เท่ากับเปิดไฟหน้า 8 ดวงตลอดเวลาหากกินกระแสเกิน 10 Amp. ก็ไม่น่าเลือกซื้อแล้ว ปัญหาจะตามมาแน่ ๆ
4. การเติมน้ำบ่อย ๆ เมื่อใช้ไปก็จะเกิดความรำคาญความรู้สึกจะต่างกับการเ ติมน้ำมัน เพราะเราต้องเป็นคนเติมเอง เหมือนการเติมน้ำหม้อน้ำในรถรุ่นเก่า ๆ ต้องคอยตรวจดูเสมอ ๆ แต่รุ่นใหม่ ๆ เติมทีหนึ่งแทบลืมไปเลย ข้อนี้ขึ้นอยู่กับความชอบแต่ละท่าน ทางที่ดี เลือกพวกที่เติมครั้งหนึ่ง วิ่งได้ 5,000 ถึง 10,000 กม. ขึ้นไปจะสะดวกกว่ามาก
5. การใช้สารละลาย เป็นที่ทราบกันดีว่าใช้ได้ทั้ง กรด ด่าง และเกลือ ขึ้นอยู่กับการออกแบบและวัสดุภายในของแต่ละยี่ห้อ แต่ขอแนะนำให้เลี่ยงพวกที่ชอบขายสารเคมีให้เรา จะเป็นทาสเขาไปตลอด ให้เลือกแบบที่ไม่จำเป็นต้องไปของ้อบ่อย ๆ เอาแบบซื้อครั้งเดียวช่วยเหลือตัวเองได้ตลอดกาลจะดีท ี่สุด เติมแต่น้ำอย่างเดียวสบายกว่า
6. น้ำที่ใช้เติม ถ้าเขาบอกว่าน้ำอะไรก็เติมได้เช่นน้ำประปา แสดงว่าเขารู้ไม่ลึกซึ้งก็ทำเครื่องออกขายแล้ว เครื่องเหล่านี้จะมีปัญหาคล้าย ๆกับกาต้มน้ำที่มีตะกรันเกาะ หากเอาน้ำกระด้างไปต้มบ่อย ๆ ทางที่ดีน่าจะเป็นน้ำ Reverse Osmosis หรือR.Oพอไหว เป็นน้ำกลั่นบริสุทธิ์ จะดีที่สุดเพราะเครื่องแยกไฮโดรเจนนี้เหมือนอุปกรณ์ห ้อง Lab. เคมี ของที่ใส่ลงไปควรต้องรู้ว่าเป็นอะไรบ้าง ไม่ใช่ มีคลอรีนบ้าง และเกลือแร่ต่าง ๆ มากน้อยเท่าไรก็ไม่รู้ ซึ่งจะทำให้ elements ภายในเสื่อมเร็ว
7. ควรมีRemote Control เพื่อแสดงสภาวะการทำงานและสัญญาณแสดง Diagnose(ข้อบ่งบอกความผิดพลาด) เช่น ระดับน้ำมากน้อย เครื่องยังทำงานอยู่ หรือหยุดทำงานแล้ว ด้วยเหตุต้องการล้างทำความสะอาด หรือ ระบบไฟจ่ายไม่ครบ เช่น fuse ขาด ฯ เมื่อมีRemote ก็ย่อมมีตัวควบคุมหรือControl ตัวควบคุมนี้ บางผลิตภัณฑ์ อาจเป็นชนิดลอกฝรั่งมาเป็นแบบ PWMหรือ Pulse Width Modulation พวกนี้ทำไม่ดีจะปล่อยคลื่นรบกวนมากมายหลายความถี่ เพราะฝรั่งเขาบอกมาไม่ครบหรอกต้องไปเติมวงจรป้องกันท ี่เรียกว่าfilterเอาเอง อาจกวนมือถือ หรือระบบกันขโมย ตลอดจน ECU ของรถ ทำให้ปวดหัวได้หลายที หากติดแล้วเกิดปัญหาก็ลองปิดเครื่องไว้จะสังเกตได้ ก่อนซื้อก็ถามดูหรือเลี่ยงได้ก็เลือกยี่ห้ออื่นมีถมไ ป
8. ถ้ายี่ห้อไหนติดตั้งแล้วจะมาปรับเครื่องยนต์ของเรา อย่าไปซื้อของเขาจะดีกว่าขอบอก เพราะระบบแบบนี้ไม่ต้องการการปรับจูนเครื่อง ตอนปิดเครื่องหรือเลิกใช้ เครื่องยนต์ของเราต้องทำงานเหมือนเดิมทุกประการ เขาจะมี Mass Air Flow Enhancer หรือ Oxygen Enhancer แยกต่างหากเพื่อหลอก ECU ตามแต่ชนิดของเครื่องยนต์เมื่อไม่ใช้ก็ By pass เสีย ไม่ก็ถอดออก ทำให้รถของเรากลับสู่สภาพเดิมได้ทันที่ไม่พึ่งช่าง ซื้อมาแก้ปัญหาไม่ใช่เอามาสร้างปัญหาจริงไหม ถ้าเขาไม่มีแสดงว่าเขาศึกษาไม่หมด ให้เขาเข้าใจถ่องแท้หรือกลับไปหาความรู้ให้มากขึ้นก่ อนค่อยซื้อของเขา
9. ราคา ขึ้นอยู่กับการให้บริการและระบบการขาย แต่ไม่ควรเกินสองหมื่นขอบอก กล่าวมาทั้งแปดข้อรวมติดตั้งยังหมื่นต้น ๆ เลย
rakpongjar is offline   ตอบพร้อมอ้างถึงข้อความเดิม
The Following User Says Thank You to rakpongjar For This Useful Post:
kazuya (23-08-2010)