อ้างถึง:
กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ wongpadoo
แล้วถ้าเปลี่ยนโบเดี่ยวและโบคู่พอประมาณแล้วต้องทำอย ่างอื่นเพิ่มตามไมครับ แล้วใสไปอย่างเดียวได้ไมครับ 
|
จะทำหรือไม่ทำอยู่ที่ว่าต้องการขีดความสามารถขนาดไหน หลักๆ อยู่ที่เรื่องของเชื้อเพลิงว่าเพียงพอต่อความต้องการ หรือเปล่า...ขีดความสามารถในการรองรับของเครื่องอยู่ ที่แรงม้าครับ ไม่ใช้อัตราบูสท์หรือของแต่งที่ใส่เข้าไป "บูสท์น้อยแต่ได้แรงม้ามาก" กับ "บูสท์มากแต่ได้แรงม้าน้อย" อย่างแรกมีโอกาสที่จะทำให้เครื่องพังมากกว่าครับ
-ง่ายๆ ยกตัวอย่างรถผมตอนเป็นเทอร์โบเดิม บูสท์อยู่ 1.4 บาร์ วิ่งอยู่ 13 กลางๆ เข้าเส้น 180 โดยต้องมีกล่อง Mine ช่วย 1 ใบ ค่า A/F อยู่ในเกณฑ์ที่รับได้ ออกจะหนาไปนิดด้วย (เพราะใส่ FCD แล้วก็ยังตัดอยู่) ต่อมาขยับสเต็ปใส่เทอรโบเดี่ยวเข้าไปต้องขยับบูสท์ลง มาเหลือแค่ 0.7 A/F บางลงกว่าตอนใส่กล่อง Mine นิดหน่อย แต่ก็โอเค (เพราะขายกล่องไปแล้ว...เสียบกล่องเดิมวิ่ง) แต่รถยังวิ่งด้วยเวลาเท่าเดิม 13 กลางๆ เข้าเส้น 180 กม./ชม. (ผลเท่ากันแต่ฟีลิ่งการขับต่างกัน) ตรงนี้ชี้ให้เห็นว่าใส่โบเดี่ยวแล้วใช่ว่าจะแรงขึ้นเ สมอไป ถ้าอยากให้แรงกว่านี้คงต้องขยับบูสท์ขึ้น ซึ่งนั่นต้องทำให้เราขยับในส่วนอื่นๆ ตาม ง่ายๆ คือต้องมีกล่องเพื่อสั่งจ่ายน้ำมันได้มากขึ้น ถ้าเป็นหัวฉีดเดิมลองประมาณเอาง่ายๆ แรงม้าสูงสุดทำได้พอๆ กับ "ซีซี. ของหัวฉีด" เช่น 2J หัวฉีดเดิม ทำม้าเต็มที่ได้ 400 ตัวนิดๆ (มากกว่านั้นมีพัง...) พอได้ความแรงในระดับที่น่าพอใจแล้วต้องมาดูต่อที่ระบ บส่งกำลังว่าสามารถรองรับได้หรือไม่ ถ้าไม่พอก็ต้องเปลี่ยนอีก มันตามมาเป็นวัฏจักรครับ...ปรากฏว่าตอนนี้คลัทช์เอาไ ม่อยู่ซะแล้ว 555
ปล.ข้อดีของการใส่เทอร์โบเดี่ยวสำหรับรถที่ห้องเครื่ องไม่ใหญ่มากนักคือเรื่องของความร้อนจะลดลงไปแบบเห็น ๆ เลยครับ ถ้ามีเกจ์วัดอุณหภูมิน้ำ 2 ตัว จะเห้นได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
ปล.2 อย่างที่บอก...ต้องทำเพิ่มหรือไม่ขึ้นอยู่กับความต้อ งการว่าอยากได้ความแรงระดับไหน ใส่โบเดี่ยวแล้วจะไม่ทำอะไรต่อเลยก็ได้ (ต้องบูสท์ไม่เยอะนะ) แต่ความแรงก็ได้แค่ระดับหนึ่ง ตามสภาพที่ทำได้เหมือนที่ผมใส่โบเดี่ยวแล้วยังไม่มีก ล่อง ไม่พัง ไม่บาง แต่ไม่แรงมาก ถ้าอยากได้มากกว่านั้นก็ต้องทำเพิ่ม...ประมาณนี้ครับ ...