05-01-2010, 13:22
|
#802
|
ClubJZ Full Member 2556
วันที่สมัคร: Jan 2008
Car Brand: Toyota Sport Rider
Engine Type: 2JZ-GTE AUTO 4x4, 1JZ-GE VVTI
ที่อยู่: Suphanburi
กระทู้: 821
Thanks: 1,304
Thanked 2,257 Times in 627 Posts
คะแนน: 18 
|
อ้างถึง:
กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ volvoman
สวัสดีปีใหม่ เพื่อนๆ sportrider ....ช่วงนี้เบื่อๆเซ็งๆ อยากได้ 2jbo ตะงิดๆ สงสัยเร็วๆนี้ได้เสียตังค์แน่เลย....คาใจแค่ว่าจะดีก ว่า 1jbo เยอะหรือเปล่า ถ้าดีกว่าไม่เกิน 15-20% ก็ไม่เปลี่ยนดีกว่า..... 
|
สวัสดีปีใหม่เช่นกันครับ
ในมุมมองผม ผมมองว่าเครื่อง 1 และ 2J BO คงไม่ต่างกันมากมายครับ มันก็มีข้อดีและข้อเสียในตัวมันเอง (ผมอาจจะพูดถึง 2J เยอะหน่อย อ้างอิงข้อมูลจากที่ผมใช้อยู่ครับ)
1J ก็จะได้ในเรื่องของอัตราสิ้นเปลืองที่ดีกว่า 2J นิดหน่อย รอบกวาดดีกว่า เทอร์โบทำงานพร้อมกันทั้งสองลูก บูสจะเริ่มมาก็ประมาณ 2800 รอบแต่มาแล้วมาหนัก
2J จะได้เปรียบเรื่องของ CC ที่เยอะกว่า แรงบิดมาเร็วและเยอะกว่า แต่ก็กินจุกว่าเช่นกัน
สิ่งที่ทำให้ 2J ต่างจาก 1J ค่อนข้างมากคือระบบซีเควนเชียล
ที่ทำให้เทอร์โบลูกแรกทำงานตั้งแต่ประมาณ 2000 รอบเรียกแรงบิดของเครื่องออกมาได้เร็ว และลูกสองเริ่มทำประมาณ 3800 รอบทำให้รู้ว่าถึงความต่อเนื่อง
แต่มันก็มีข้อเสียของมันคือช่วง 3100 - 3800 ถ้าเป็นคนขับเรื่อย ๆ ค่อย ๆไล่คันเร่ง จะรู้สึกว่าช่วงนี้จะห้อยเพราะช่วงรอบนี้จะแบ่งไอเสี ยไปปั่นลูกที่สอง
ทำให้บูสลูกแรกจะตกลงหน่อย แต่เมื่อลูกสองทำงานก็จะดึงหนัก
ส่วนถ้าขับแบบกดคันเร่งมิดหรือคี๊กดาว์นเรียกรอบ เมื่อรอบกวาดไวลูกสองก็ทำงานไวเช่นกัน
สิ่งที่ทำให้เครื่อง 2J มีแรงบิดมากกว่า 1J ส่วนหนึ่งก็คงเป็นเพราะเทอร์โบ ด้วยขนาดใบเทอร์โบที่โตกว่า 1J เล็กน้อยจึงสร้างแรงบิดช่วงรอบกลางค่อนปลายได้ดีกว่า 1J ครับ
ถ้านำเครื่องทั้งสองมาวางบอดี้หนัก ๆ อย่างสปอร์ตไรเดอร์ซึ่งมีน้ำหนักเดิม 1.9 ตัน แน่นอนว่าเครื่องที่สามารถเรียกแรงบิดมาได้เร็วก็จะไ ด้เปรียบที่มีแรงฉุดตัวถังหนัก ๆ ไปได้ดีกว่า
ส่วนถ้านำไปวางในบอดี้เบาๆ ระดับ 1.3-1.5 ตัน ก็คงจะไม่ต่างกัน เพราะไม่จำเป็นต้องใช้แรงบิดของเครื่องเยอะก็สามารถพ ารถให้เคลื่อนที่ไปข้างหน้าได้แล้วครับ
__________________
วุฒิ JZ_M 181 2JZ-GTE 4x4
โลกอันกว้างใหญ่ ชีวิตยิ่งใหญ่ ต้องไปตามใจฝัน
|
|
|