อ้างถึง:
กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ Moonlight
ผมสรุปง่ายๆให้เข้าใจก็แล้วกันนะครับ
ขั้ว 85 ของ รีเลย์ทั้ง 2 ตัว คือ กราวนด์ทั้งคู่ครับ เพียงแต่ว่า รีเลย์ตัวที่ 2 รับสัญญาณกราวนด์มาจาก กล่อง ECU ที่มีชื่อ Pin ว่า FC ครับ ถ้าไม่มี กราวน์ จาก FC ออกมา รีเลย์ตัวที่ 2 ก็จะไม่ครบวงจร ขั้ว 87 ของตัวที่ 2 ก็จะไม่มีไฟ (+) ออกมา
ขณะเดียวกัน รีเลย์ตัวที่ 1 ที่ดูเหมือนจะครบวงจร แต่ว่า ขั้ว 87 ก็จะไม่มีไฟ (+) ออกมาเช่นกัน เนื่องจากว่า ถ้าสวิทช์กุญแจ ยังไม่ปล่อยสัญญาณ จาก STA ออกมา (ยังไม่บิดสตาร์ท) ดังนั้น ขั้ว 87 ของทั้ง 2 รีเลย์ ก็จะยังไม่มีขั้ว (+) ออกมาส่งไปยัง FP ของปลั๊กตรวจสอบ และส่ง (+) ไปยังปลั๊กปั๊มติ๊กครับ
จนกระทั่ง USER บิดกุญแจสตาร์ท ส่งสัญญาณ (+) ออกมา และ กล่อง ECU ส่งสัญญาณ FC (-) ออกมา ทุกอย่างจึงครบวงจร ปั๊มติ๊กจึงทำงานครับผม ขั้ว FP มีไว้ตรวจสอบว่า มีสัญญาณ (+) ไปให้ปั๊มติ๊กหรือไม่ และยังสามารถใช้จั๊มต่อสัญญาณเพื่อทดสอบปั๊มติ๊ก ด้วยครับ
|
มองเห็นภาพชัดเจนยิ่งกว่าจอ led ทีวีของ samsuang เกือบ 100% ขาด 1 % ครับ ผมขอถามอีกคำ 2 คำถามครับ
1. relay ที่ 1 มีเหตุผลอะไรที่ต่อลงกราวด์โดยตรง 1 ตัว ครับ หรือว่าเป็น relay start ชั่วคราวเมื่อเครื่องยนต์ติดก็หยุดทำงาน กรณีนี้ผมมองในลักษณะที่เมื่อ บิดมา start เครื่องยนต์ จะมีสัญญาณไฟบวกออกมาทำให้ relay ทำงาน เมื่อ start ติดแล้ว switch กุญแจก็จะถอยกลับมาอีกตำแหน่งหนึ่งทำให้ ไม่มีไฟไปจ่ายให้ relay ตัวที่ 1 แต่มีตัวที่ 2 ทำงานแทน
2. ถ้าเป็นแบบที่ผมเข้าใจการทำงานตามข้อ 1 งั้นรถยนต์ทั่วๆไป น่าจะมี 2 ตัว หรือเปล่า (ถ้าเป็นงั้นจริง ในมุมมองส่วนตัว ผมว่าสิ้นเปลืองเกินไป และอาจสร้างปัญหาในอนาคตเรื่องการซ่อมหรือเปล่าครับ
2. ถ้ารถเกิดอุบัติเหตุทำให้เครื่องยนต์ดับ