26-09-2009, 16:53
			
							
		 | 
		
			 
			#7
			
		 | 
	
	| 
			
			
			
			 Super Moderator 
			
		
			
				
			
			
			
				 
				วันที่สมัคร: Oct 2006 
				
                                Car Brand: My Brand 
				Engine Type: 2JZ-GE VVT-i A/T 
                                
                                ที่อยู่: กรุงเทพฯ 
				
				
					กระทู้: 1,768
				 
                                 
	Thanks: 633 
	
		
			
				Thanked 8,042 Times in 1,296 Posts
			
		
	 
				
				คะแนน:  21   
				
				
			 					
		
	 | 
	
	
	
	
		
		
		
		จริงๆแล้ว มีคนเข้าใจผิด เรื่องประสิทธิภาพของ ดรัมเบรค และ ดีสเบรคกันมากครับ  
 
โดยเฉพาะสมาชิกที่ขับรถยนต์นั่งส่วนบุคคลส่วนใหญ่แล้  ว จะคิดว่า ระบบ ดีสเบรค 4 ล้อ จะมีประสิทธิภาพดีกว่า ระบบ หน้าดีส หลัง ดรัมเบรค ซึ่งว่ากันตามหลักความจริงแล้ว มิใช่เป็นเช่นนั้นเสียทีเดียวครับ 
 
ไม่ว่า จะเป็น ดรัมเบรค หรือ ดีสเบรค ถ้ามีพื้นที่ การจับจานเบรค พอๆกันแล้ว ประสิทธิภาพการห้ามล้อ ก็จะพอๆกันครับ ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว ในขนาดวงจานเบรคที่เท่ากันแล้ว ดรัมเบรค จะได้ประสิทธิภาพการเบรคที่ดีกว่าด้วยซ้ำไปครับ เพราะว่า มีพื้นที่ผ้าเบรคในการจับจานเบรคมากกว่าดีสเบรค ครับผม (ให้ลองสังเกตุรถบรรทุกซิครับ ใช้ดรัมเบรคเป็นมาตราฐานในการห้ามล้อทุกคันครับ ถ้าคิดว่า ประสิทธิภาพไม่ดีแล้ว ทำไม รถบรรทุกที่รับโหลดหนักๆ จึงไม่หันไปใช้ระบบดีสเบรคล่ะครับ) 
 
เพียงแต่ว่า ในแง่ของการตลาดรถเล็กแล้ว ยังมีส่วนประกอบของค่านิยม ความสวยงาม เข้ามาประกอบอยู่ด้วยครับ จึงกลายเป็นสิ่งที่นิยม ใช้ ดีสเบรค 4 ล้อ โชว์ลายล้อแมก และโชว์คาลิเปอร์กันครับ 
 
แต่จริงๆแล้ว ยังมีคุณสมบัติข้อดีของระบบ ดีสเบรค ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของระบบนี้ ที่แตกต่างจากดรัมเบรค ดังนี้ครับ 
- มีคุณสมบัติในการเพิ่มแรงเบรคในตัวเองต่ำ (ตรงข้ามกับครัมเบรคเลยครับ) การเปลี่ยนแปลงค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานจากแรงเบรค  มีนิดเดียว ทำให้การทรงตัวของรถดีขึ้น เพราะคนขับเป็นผู้ควบคุมแรงเบรค และการระบายความร้อนทำได้ดี เนื่องจากได้รับการไหลของอากาศที่ปะทะเข้ามาอย่างต่อ  เนื่อง
 
- ป้องกันน้ำได้ดี เวลารถวิ่งบนถนนที่เปียกน้ำ น้ำที่เปียกผ้าเบรคจะถูกสลัดออกด้วยแรงเหวี่ยงหนีศูน  ย์กลางของจนเบรค ทำให้ผ้าเบรคกลับคืนสู่สภาพปกติได้อย่างรวดเร็ว
 
- การออกแบบโครงสร้างที่ง่ายต่อการตรวจสอบ ง่ายทั้งการเปลี่ยนผ้าเบรคและการบำรุงรักษา
 
- ไม่จำเป็นต้องปรับระยะห่างของผ้าเบรค แม้ว่า ผ้าเบรคและผิวจานเบรค จะเสียดสีกันจนสึก ลูกยางเบรคจะทำหน้าที่เป็นตัวปรับระยะห่างผ้าเบรคกับ  จานเบรคเองอัตโนมัติ
 
- ขนาดของผ้าดีสเบรคถูกจำกัดขนาดเนื่องจากลักษณะของการ  ออกแบบ จึงทำให้จำเป็นที่จะต้องออกแบบลูกสูบให้ใหญ่ขึ้น เพื่อรักษาแรงในการเบรคให้เพียงพอ  ซึ่งอาจจะทำให้เกิดเวเปอร์ล๊อคขึ้นในวงจรเบรคได้ง่าย และจะทำให้ผ้าเบรคสึกเร็วกว่าระบบดรัมเบรคครับ 
 
 ทั้ง 5 ข้อนี้ ตรงกันข้ามกับระบบดรัมเบรคเลยครับ จึงไม่จำเป็นต้องกล่าวถึงคุณสมบัติของระบบดรัมเบรคแล  ้วนะครับ 
		
	
		
		
		
		
			
				__________________ 
				JZM - 5 
			 
		
		
		
		
		
						  
				
				แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Moonlight : 26-09-2009 เมื่อ 17:20.
				
				
			
		
		
	
	 | 
	
		 
						
		
		
		
		 
	 | 
	
	
	
		
		
		
		
			 
		
		
		
		
		
		
			
			
                  
		
	 |