แรงเคลื่อนไฟฟ้าแบตเตอร์รี่ปกติควรขึ้เท่าไหร่หรอครั บ????
 

รถผมดับเครื่องขึ้น 11.5v ติดเครื่องจะขึ้12.1เองอ่ะครับเป็นที่อ่ะไรหว่าหรือไ ดร์ชาตร์พังไปแล้วหว่า
ดูจากเกจ์วัดของ omori และ OBD ขึ้นเท่าๆๆกันเลย :confused:

ไดชาร์ต น่าจะมีปัญหาแล้วครับ

ของผมตอนสตาร์ทใหม่ๆ ได้ถึง13.8เลยครับ

แล้วพอเปิดแอร์ เปิดเครื่องเสียง พัดลมไฟฟ้าทำงาน(เมื่ออุณหภูมิถึง) จะลดลงเหลือ 12.3-12.5 ครับ

ถ้ากลางคืนเปิดไฟด้วย ก้อเหลือ12.1ครับ

ยิ่งเปิดแอร์เปิดไฟหน้าด้วยน่ะเหลือ 10.5vเองอ่ะครับ :(

พอดีเพิ่งเปลี่ยนแบตฯมาสดๆ 75แอมป์ ไฟก่อนสตาร์ทที่ 12ปลายๆ ตอนบิดกุญแจเหลือ11++ พอเครื่องติดในรอบเดินเบา 13++ พอเร่งไปนิดก็ขึ้น 14++ ได้เลยครับ แต่ไม่ได้ลองวัดตอนเปิดแอร์ แต่คิดว่าไฟไม่น่าลดเพราะ รอบเครื่องเพิ่มอีกตั้ง 200รอบ+-

ถ้ารอบเดินเบาเหลือต่ำกว่า 12 ลองเช็คสายกราวน์ต่างๆด้วยนะครับ ไม่งั้นก็สายไฟชาร์จ จากตูดไดร์อ่ะสภาพดีมั้ย หรือไดร์มีคราบน้ำมันเครื่อง เขอะ มั้ย? ลองเช็ค-ล้างดูครับ

ผมขอยกตัวอย่างจากรถผมเองนะครับ

รถผมใช้ไดชาร์ท ขนาด 120 แอมป์ แบตเตอร์รี่ ก็ 120 แอมป์ ขนาดยาวเท่ากับที่รถ 10 ล้อใช้กัน
แต่เนื่องจาก รถผมใช้ไฟฟ้าค่อนข้างเยอะ เวลาสตาร์ทรถขึ้นมาทีแรก ก็วัดไฟได้ประมาณ 13.5 โวลท์
พอเปิดแอร์ แรงดันเหลือ 12.5 บ้าง 12 บ้าง ถ้าขับรถเร็วๆ ก็กลับมาที่ 13 - 13.5 เช่นเดิม แต่พอตกกลางคืน จะเหลือแค่ประมาณ 11 หรือ 11.5 และเวลาขับเร็วๆ อาจจะขึ้นที่ที่ 12.5 ถึง 13 ครับ

ลักษณะแบบนี้ ผมถือว่า ปกติ นะครับ

แรงดันไฟมันต่ำไป เช็คระบบไฟชาร์จเลยครับ ตั้งแต่สายกราวด์ สายไฟเมน (ตามพี่ๆข้างบนบอกแหละ) และสายไฟที่ปลั๊กไดชาร์จด้วย(ปลั๊กไดชาร์จมีสามเส้น ไฟตรง ไฟไอจี หลอด ต้องแน่ใจว่าไฟตรงกะไฟไอจี มีไฟมาเต็มเท่าแรงดันแบต) สุดท้ายก็เป็นที่ตัวไดชาร์จเองครับ ต้องลื้อดูถึงจะรู้

เกจ์วัดแรงเคลื่อนไฟฟ้าเป็นตัวเลขที่ติดตั้งเพิ่มมาน ั้น จะเป็นตัวชี้วัดสุขภาพของ แบตเตอร์รี่ และ ไดชาร์จ ได้อย่างดีเลยครับ

ตัวอย่างเช่น คุณเจ้าของกระทู้ teeded ด้านบน เกจ์บอกระดับ 11.5 โวลท์เมื่อบิดสวิทช์ on นั่นแสดงถึงสุขภาพของแบตเตอร์รี่ไม่ค่อยดีแล้วครับ ยิ่งถ้าสมมุตว่า ขับรถช่วงกลางวันไประยะหนึ่งแล้ว ดับเครื่อง แต่สวิทช์ยังอยู่ที่ ACC สัญญาณตัวเลขที่เกจ์แจ้งบอกระดับแรงเคลื่อนแบตเตอร์ร ี่อยู่ที่ 11.5 โวลท์ นั่นแสดงว่า สุขภาพแบตเตอร์รี่ลูกนี้ แย่ แล้วครับ (รักษาได้หรือไม่ เป็นอีกเรื่องที่ต้องว่ากันต่อไปครับ)

ส่วนสุขภาพของไดชาร์จ ก็สามารถดูได้จากเกจ์นี้ ช่วงตอนที่ติดเครื่องแล้วครับ ไดชาร์จนั้น ภายในจะมีไดโอด อยู่หลายตัว เพื่อแปลงกระแสไฟให้ไหลผ่านไปทางเดียว แล้วแต่รอบเครื่องยนต์ และปริมาณการไหลของกระแสไฟฟ้าที่รถต้องการ โดยแบ่งการทำงาน ออกเป็น 3 ช่วง ดังนี้

1. ขณะสตาร์ทเครื่องยนต์ (ใช้งานเฉพาะแบตเตอร์รี่) During Starting
   
2. ขณะจ่ายกระแสสูงสุด During Peak Operation
   
3. ขณะทำงานปกติ During Normal Operation

ดูตามภาพครับ

ซึ่งไดชาร์จที่มีสุขภาพดีและมีกำลังเพียงพอนั้น จะทำงานแบบข้อ 3 ในช่วงรอบเดินเบา ซึ่งแรงเคลื่อนจะต้องไม่ตกต่ำกว่า 12 โวลท์ และในช่วงขับเคลื่อนรถ (รอบเครื่องสูงกว่า 1500 รอบ) จะต้องทำงานแบบข้อ 2 ซึ่งแรงเคลื่อนจะต้องไม่ควรสูงกว่า 14 โวลท์ ครับ

ดังตัวอย่างของ คุณ teeded และคุณเดช BMกินJ@clubjz ต้องถือว่า สุขภาพไดชาร์จยังดีอยู่ทั้งคู่ครับ

ผมขอยกตัวอย่างไดชาร์จ ที่สุขภาพไม่ดี ให้เข้าใจกันดังนี้ครับ

มีครั้งหนึ่ง ในรถของผมเอง ซึ่งใช้ ไดชาร์จขนาด 100 แอมป์ และใช้แบตเตอร์รี่ขนาด 120 แอมป์/ชั่วโมง เนื่องจากใช้กระแสไฟสูง

• ในช่วงบิดกุญแจ on ตัวเลขจากเกจ์วัดแรงเคลื่อนแจ้ง 12.5 โวลท์ ซึ่งถือว่า กระแสไฟจากแบตเตอร์รี่ เต็มดี
• พอสตาร์ทรถ (สตาร์ทเย็น) รอบเครื่องขึ้นถึง 1500 รอบ ตัวเลขแรงเคลื่อน อยู่ที่ 13.5 โวลท์
• พอเปิดแอร์ (ช่วงเครื่องเย็นอยู่) ตัวเลขแรงเคลื่อน ตกลงมาอยู่ที่ 12.7 โวลท์ (ตู้แอร์ 2 ตู้ พัดลมระบายความร้อนคอนเดนเซอร์ 2 ตัว)
• พอเครื่องยนต์ร้อน รอบเครื่องเดินเบาลดลงเหลือ 650 รอบ พัดลมระบายความร้อนหม้อน้ำ ทำงาน แรงเคลื่อนไฟฟ้าตกลงมาเหลือ 11.8 - 12.0 โวลท์ แต่พอความร้อนหม้อน้ำลดลง พัดลมหม้อน้ำดับ แรงเคลื่อนไฟฟ้าขึ้นมาระดับ 12.3 โวลท์ทันที (แสดงว่าพัดลมระบายความร้อนหม้อน้ำ กินกระแสไฟสูงมาก)

จากกรณีดังกล่าวด้านบน จึงถือว่า ระบบไดชาร์จและแบตเตอร์รี่ ทำงานปกติ สุขภาพดีครับ

แต่อยู่มาวันหนึ่ง ขณะขับรถเข้าเมือง ช่วงเย็น ขณะที่ยังไม่ได้เปิดไฟหรี่ไฟหน้า ก็ไม่ทันได้สังเกตุตัวเลขแรงเคลื่อนเกจ์ แต่พอเปิดไฟหน้า ในขณะรถติดไฟแดง มาสังเกตุดูที่เกจ์ ก็ตกใจ ว่า แรงเคลื่อนทำไมมาอยู่ที่ 11.1 และทำท่าจะลดลงไปอีก จึงสังเกตุที่ความร้อนเครื่องยนต์ อยู่ที่ 90 องศา ซึ่งนั่นแสดงว่า พัดลมระบายความร้อนหม้อน้ำกำลังทำงาน ผมจึงรอให้ความร้อนลดลงจาก 90 องศาก่อน เพื่อให้พัดลมระบายความร้อนดับ จึงดูที่เกจ์ ก็เห็นแรงเคลื่อนขึ้นมาที่ 11.5 โวลท์ แบบนี้ไม่ได้การแล้วครับ ขืนนิ่งนอนใจ ไม่ทำอะไรเลย แล้วรถติดอยู่แบบนี้นานๆ มีโอกาสเครื่องยนต์ดับได้เลยครับ สิ่งแรกที่ทำคือ

1. เข้าเกียร์ N เพื่อลดโหลดกำลังเครื่องยนต์ รอบเครื่องยนต์จาก 650 รอบ ขึ้นมาเป็น 700 รอบ แรงเคลื่อนขยับขึ้นมาอีกนิดหน่อย แต่ยังไม่เป็นที่พอใจครับ
2. ขั้นต่อไป จริงๆแล้ว ต้องปิดแอร์ แต่ว่า ในสภาวะจราจรติดขัดเช่นนี้ ขืนปิดแอร์ แล้วสูดควันพิษ ต้องแย่แน่ๆ จึงทำการ เหยียบคันเร่งให้รอบขึ้นมาที่ 1200 รอบ คราวนี้ ตัวเลขที่เกจ์ ขึ้นมาเป็น 12 กว่าๆครับ ค่อยใจชื้นหน่อย
   

แต่ถ้าขืนยังเป็นแบบนี้ ผมต้องเมื่อยขาแน่นอน จึงตัดสินใจ โทรศัพท์ยกเลิกธุระ แล้วเปลี่ยนเส้นทางการเดินรถทันทีครับ โดยมุ่งหน้าไปเส้นทางที่ไม่ค่อยมีไฟเขียวไฟแดง เพื่อป้องกันรถติดมาก ยอมวิ่งทางยาวดีกว่า และขณะที่รถหยุดชั่วคราว ใช้วิธีข้อ 2 แต่เพิ่มขั้นตอนปิดแอร์ ช่วยอีกขั้นหนึ่งด้วย จนกระทั่งขับกลับถึงบ้านโดยสวัสดิภาพครับ

วันรุ่งขึ้น จึงสั่งลูกน้องถอดไดชาร์จออกมาตรวจดู ก็ได้เห็น ไดโอดตัวหนึ่งไหม้ละลายไปครับ จึงจัดการเปลี่ยนไดชาร์จสำรองมาใช้ แล้วทำการ ส่งช่างแก้ไขไดชาร์จนี้ เพื่อเป็นไดชาร์จสำรองต่อไปครับ