ClubJZ Forums

ClubJZ Forums (http://www.ClubJZ.net/index.php)
-   ClubJZ! Useful Information (http://www.ClubJZ.net/forumdisplay.php?f=14)
-   -   กล่องอีมาเนจ กับ F-con ใส่แล้วต่างกันมากมั้ย (http://www.ClubJZ.net/showthread.php?t=34689)

Inw_R 24-05-2009 17:05

กล่องอีมาเนจ กับ F-con ใส่แล้วต่างกันมากมั้ย
 
เครื่ือง 1เจโบ เกียร์ M/t มีโบเดี่ยว บูสท์ 1.3 บาร์ หัวฉีด 550

ใส่กล่องอีมาเนจ กับ F-con v อัพ โปร

จะได้ความแรงต่างกันมากมั้ย

แล้วกล่อง วี อัพ โปร ใช้ไปแล้วจะมีปัญหารึป่าวครับ

ช่วยแนะนำด้วยว่าจะเล่นกล่องอะไรดี สำหรับเครื่องเสต็ปข้างต้น

ขอราคาพร้อมจูนด้วยนะครับ และเล่นตัวไหนคุ้มกว่ากัน

ton jzt 141 24-05-2009 17:50

-----อยู่ที่คนจูนครับ แต่เรื่องความละเอียด เอฟ คอน ละเอียดกว่า-----

retro_boy 24-05-2009 18:52

มาแล้ว......

ถามก่อนว่าเอาไปใช้งานแบบไหนครับ.....

1.ถ้าใช้บ้านขับสนุก E-manage ครับ งบประมาณพอดีไม่แพงมากและก็หาง่ายครับ(ค่าจูน 2500-7000 บาท/ครั้ง)
2.ถ้าเอาแบบแรงไม่รอใคร งบประมาณพอก็ F-con ครับ(แต่ค่าจูน/ครั้งแพงมากครับ 9000-13000 ครับ)แล้วแต่ชื่อเสียงด้วย



ถ้าถามว่าทำไมแนะนำให้รถบ้านใช้ E-manage เพราะค่าใช้จ่ายครับถูกกว่าและก็การใช้งานเหมาะกับรถ ไม่เกิน 500 แรงม้าครับ(เพราะตารางน้ำมันไม่ละเอียดเท่า F-con เลยทำให้จูนแบบละเอียดได้ยากกว่าครับ)และอีกอย่างนะค รับ (ขอตอบแบบรวบรัดและเข้าใจง่ายนะครับ) E-manage เป็นกล่องแบบหลอกสัญญาณ(Piggy back)คือยังใช้พื้นฐานของระบบกล่องเดิมๆอยู่แต่แค่เข ้าไปหลอกสัญญาณขาเข้าของ Map sensor ว่าเครื่องจ่ายน้ำมันบาง(หน่วยเป็น Volt)กล่อง Ecu จึงเพิ่มน้ำมันให้แต่จะปรับได้ในช่วง 3200 ขึ้นไปเท่านั้น(เพราะช่วง 0-3200 กล่องจะทำการปรับส่วนผสมน้ำมัน/อากาศให้ได้ 14.7 /1 ตลอด...ปรับไปก็ไม่มีประโยชน์) และในส่วนของการปรับระบบไฟก็ใช้การหลอกสัญญาณเหมือนน ้ำมันแต่เพียงจะหลอกในช่วงขาออกจากกล่อง Ecu โดยจะสามารถปรับองศาจุดระเบิดได้

ข้อดี

1.งบประหยัดครับ
2.หาง่ายค่าจูนไม่แพงจูนเองยังได้(ถ้าเครื่องมือครบ) ซอร์พแวร์ไม่ต้องซื้อ
3.เดินเบาเรียบตามปกติเหมือนรถเดิมๆขับสบายเพราะยังใ ช้พื้นฐานของกล่องเดิมอยู่(แค่ปรับน้ำมัน+ไฟได้นิดหน ่อย)เพราะ Ecu เดิมยังปรับน้ำมันเองได้อยู่ครับ
4.ใส่ได้หมดทุกรุ่น....

ข้อเสีย

1.มีข้อจำกัดในการประมวลผลครับเนื่องจากต้องหลอกสัญญ าณจึงทำให้การสั่งงานช้ามากครับ(รถบ้านมีผลน้อย)
2.ข้อจำกัดในฟังค์ชั่นการใช้งาน..เช่น ปลดบูสท์ได้...แต่ปลดรอบไม่ได้...ปลดล็อคความเร็วไม่ ได้...ตารางไฟและน้ำมันไม่ละเอียดเท่า F-con
3.ระวังของปลอม...อันนี้ดูไม่ยาก
4.พังบ่อย...เจอหลายตัวแล้วนะครับแต่ F-con ไม่ค่อยเจอ
5.จากข้อ 1 ครับ...รับแรงม้ามากๆไม่ค่อยดีเนื่องจากการประมวลผลข องตัวกล่องเองครับ



มาถึง F-con บ้างนะครับ

F-con เป็นกล่องแบบ stand Alone นะครับ(แค่ 2 รุ่นนะครับ เงินและทอง 2.1-3.3 )นอกนั้นก็เป็น Piggy back เหมือน E-manage นะครับแต่ตารางน้ำมันละเอียดกว่าและฟังค์ชั่นแตกต่าง กันออกไปครับ...สงสัยมั้ยครับว่ากล่อง stand Alone คืออะไร....มันคือกล่องที่สามารถถอด Ecu เดิมออกได้เลยครับ...สามารถสั่งการได้ด้วยตัวมันเองม ันจึงประมวลผลได้เร็วกว่าเพราะไม่ต้องคอยหลอกสัญญาณค รับ....โดยการต่อมี 2 แบบครับ

1.ต่อแบบพ่วงกล่องเดิมโดยเป็น stand Alone ครับแต่ยังให้กล่องเดิมควบคุมการทำงานของรอบเครื่อง. ..เดินเบา..วอร์มตอนเช้า...เร่งตอนเปิดแอร์...เร่งเป ิดไฟหรี่เรียกง่ายๆว่าไม่ตัดพื้นฐานเดิมออกไปซะหมดคร ับ...แต่ระบบไฟและน้ำมันตัดขาดออกแบบสิ้นเชิงนะครับ( ประมวลผลเอง)
2.ต่อแบบไม่พ่วงกล่องเดิม stand Alone แท้ๆ(ถอดกล่องเดิมออกเลยครับ)...อันนี้เหมาะกับรถแข่ งครับ...ขับแข่งอย่างเดียวหรือรถที่ไม่เน้นใช้งานมาก นักเพราะระบบอำนวยความสะดวกไม่มีครับ(จริงๆมีนะครับใ น F-con แต่เห็นคนจูนหลายๆคนบอกว่ายุ่งยากครับ)

ข้อดี

1.ปลดหมดทุกอย่างครับ...ตามใจเราเลยครับ..บูสท์...รอ บเครื่อง(ตั้งได้ว่าจะให้ตัดเท่าไรได้ครับ...เดิม 7200 เราให้ตัดที่ 9000-10000 ก็ได้ครับ)...ไฟ...น้ำมัน
เรียกง่ายๆว่าตามใจเราเลยครับ(Close Loop ก็ปลดนะครับ)เลยปรับได้ตั้งแต่ 0-10000 รอบเลยครับ
2.เหมาะกับรถที่มีแรงม้ามากๆ 500-1000 แรงม้า(เยอะหน่อยทองจะดีกว่าครับ)....เพราะตารางไฟแล ะน้ำมันละเอียดกว่าครับ(ผิดพลาดน้อย)
3.จูนได้ละเอียดกว่าและด้วยการใช้งานของฟังค์ชั่นทำใ ห้จูนได้เนียนและง่ายกว่าครับ
4.ประมวลผลไวกว่าครับ เงินก็เร็วครับและทองก็เร็วขึ้นไปอีกครับ(ประมวลผลไว การตอบสนองก็ไวครับ...)
5.ความทนทาน...อันนี้ความคิดส่วนตัวนะครับใช้มาไม่ค่ อยเจอพัง
6.ถ้าเป็นกล่องทองจะสามารถใส่ได้กับทุกรุ่นครับ...แต ่เงินจะมีบังคับรุ่นเครื่องยนต์มาครับ

ข้อเสีย

1.ราคาเลยครับทั้งตัวกล่องสายไฟและค่าจูน(ครั้งละ 9000-13000+ ครับ)สายไฟชุดนึง 5000+ ครับ
2.เนื่องจากเป็น stand Alone ครับการปรับจูนเลยเป็นแบบตายตัว(เหมือนเครื่องคาร์บิ ว...เพียงแต่ละเอียดกว่าเยอะครับเพราะมีระบบ Sensor มาช่วยจับสัญญาณจึงแม่นยำกว่า)....แต่ข้อเสียจริงๆเป ็นแบบนี้ครับ
2.1 Close Loop ถูกตัดออกช่วง (0-3200 รอบ) ไม่ดีกับรถขับบ้านๆครับเพราะค่าน้ำมันถูกปรับไว้แบบต ายตัว( Tuner เป็นคนปรับ)แปรผันอย่างเดียวคือ อุณหภูมิอากาศครับ(สตาร์ทร้อน-เย็น)ดังนั้นหากสตาร์ทเล่นหรือขับไกล้ๆถ้าหัวฉีดใหญ่ จะเจอปัญหาครับคือ น้ำมันท่วมเดินไม่ครบสูบ(เพราะกล่องไม่สามารถปรับน้ำ มันเองได้เหมือนเดิมๆจากโรงงาน)...และอีกเรื่องคือแร งดันปั๊มติ๊กครับเพราะรถเดิมจะปรับน้ำมันให้ได้ 14.7 ตลอดเวลา(หรือใกล้เคียงที่สุด)แต่ที่สำคัญค่าแรงดันข องกระแสไฟฟ้ามันจะสวิงตามการใช้งานของเครื่องยนต์ครั บ....ผลก็คือแรงดันก็ขึ้นๆลงๆตามแรงดันไฟฟ้า...เมื่อ แรงดันเปลี่ยนการจ่ายน้ำมันก็เปลี่ยนครับ...แต่กล่อง ถูกปรับมาแบบตายตัวก็เลยเกิดอาการกระพือครับ...หรือเ ดินไม่เรียบบางสูบ(เหมือนรถคาร์บิวสตาร์ทตอนเช้าๆอ่ะ ครับ)...ข้อนี้ คนใช้ F-con รู้ดีครับ
3.ถ้าเงินจะต้องตรงรุ่นครับ-แต่ทองใส่ได้หมดครับ
4.ซอร์ฟแวร์แพงมากครับ ชุดนึงมี License ราคา 120000+ครับแล้วยังจะเครื่องมือและความชำนาญด้วยครับ แถมเป็นภาษาญี่ปุ่นล้วนๆ

มีข้อมูลอีกเยอะครับผิดถูกประการใดขออภัยด้วยนะครับ. ...

หวังว่าคงพอตัดสินใจได้นะครับแบบคร่าวๆ .....

รถที่ทำมาเท่ากัน ใส่กล่องต่างกันวิ่งผิดกันไม่เกิน 100 ม้านะครับ(ในรถที่ทำไม่เกิน 500-600 ม้านะครับ)

อุปกรณ์กับรถและแรงม้าควรจะเหมาะสมกันนะครับ...มากไป ก้เปลือง..น้อยไปก็ไม่ดีนะครับ

ส่วนจะเลือกใช้แบบไหนก็ขึ้นอยู่กับงบและความต้องการแ รงม้าของเจ้าของรถแล้วล่ะครับ......

TongAE111 24-05-2009 23:39

อ้างถึง:

กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ Inw_R (326236 กระทู้)
ถ้ายังไงขอความเห็นเพิ่มเติมของกล่อง Ultimate และ F-con s ด้วยนะครับ

กำลังเล่น E-manage กล่องฟ้าอยู่ครับ (เพิ่งหัดเล่น) แต่ก็ได้ถามเซียนมาแล้วบ้างแล้วครับ อยากจะแชร์ให้ฟังกันครับ

1. E-mange นั้น ออกแบบมาเป็นกล่อง Piggy ที่ไม่ไต้องให้สัญญาณ Cam + Crank ครับ
รับแต่สัญญาณสั่งจุดระเบิด IGT การปรับแต่ง จะต้องอ้างอิงสัญญาณเดิม เช่น สัญญาณจุดระัเิิ
บิด สัญญาณสั่งฉีดน้ำมัน

ข้อดีก็คือ สะดวก ในการติดตั้ง และปรับจูน เราเพียงเข้าใจว่า จะบวกเพิ่ม หรือลดลง จาก
สัญญาณเดิม ตามความเร็วรอบเครื่อง ถ้าจะไม่จูนในช่วงนั้น ๆ ก็ใส่ 0 ลงไป ง่าย ๆ

ข้อเสีย ก็คือเป็นการปรับ บวก หรือ ลด สัญญาณเดิม ความแม่นยำ อาจจะไม่ดีมากนัก อ้างอิง
จากสัญญาณเดิม ซึ่ง สัญญาณเดิมก็ไม่ได้ละเอียดมากนัก และยังเจอปัญหา จากการต่อต้าน
การเปลี่ยนแปลงของกล่องหลัก เช่น เพิ่มน้ำมัน จากสัญญาณหัวฉีด กล่องตรวจเจอ ก็จะลด
สัญญาณฉีดน้ำมัน เป็นการ "ดึงกันไป ดึงกันมา" จูนเนอร์บอกว่า จูนไม่ได้ A/F ไม่เปลี่ยนกล่อง
หลัก ดึงคืน หรือเรียกว่า ติด Close loop

2. F-Con V Pro มีความสามารถ รับสัญญาณ Cam + Crankได้ ดังนั้น จึงสามารถจูนแบบ Stand alone คือส่งสัญญาณจริง ๆ ไม่อ้างอิงสัญญาณ จากกล่องหลัก ไปคุมเครื่องได้ ทุกอย่างที่ต้องการ
ข้อเสีย ติดตั้งยากอ่ะครับ เพราะ สัญญาณ Cam + Crank ก็มีหลายแบบ แต่ละรุ่น ยี่ห้อ ก็ต่างกัน มือใหม่ เอาแค่ ติดเครื่องให้ได้ ยังไม่จูน ก็หืดแล้ว และก็คงจูนยากอ่ะครับ จะต้องเข้าใจถ่องแท้ เพราะ Stand alone ต้องจูนทั้งหมด จะปล่อย Default แบบ E-manage ไม่ได้ แต่ Tools ต่าง ๆ ที่โปรแกรมมี ผมว่าน่าจะเข้าใจและจูนได้ไม่ยาก

อ้างถึง:

กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ Inw_R (326236 กระทู้)
ถ้ายังไงขอความเห็นเพิ่มเติมของกล่อง Ultimate และ F-con s ด้วยนะครับ

เพื่อนผม ใช้ Ultimate กับ 3S-FE ขับหลัง ตอนนี้ติด ปัญญา่ Close loop อยู่ ผมกำลังแก้ให้อยู่ โดยทำกล่อง หลอก ECU หลักว่า การฉีดน้ำมัน ได้ A/F ที่ถูกต้องอยู่ตลอด กล่องไม่ต้องปรับ เพิ่มหรือ ลดน้ำมัน หลังจากนั้น เราจึงจะจูน Ultimate ได้ตามใจ ทำกล่องปลด Close loop ของ OBD2 ยากหน่อยครับ เพราะจะหลอกกล่อง หยาบ ๆ ไม่ได้ กล่องมันฉลาด ต้องเนียนจริง ๆ ไม่งั้น ติดไฟ Check Engine โปรแกรมการทำงานกล่องเข้า Safe mode จูนไม่ได้อีก

3S-FE ขับหลัง คันนี้เคยไปติด F-con แต่ใช้ไม่ได้ เพราะ F-con อ่านสัญญาณ Crank Cam ไม่เข้าใจ
อาจจะต้องปรับเปลี่ยน ระบบการวัด Crank Cam ใหม่ ก็งานใหญ่ิอีก ดังนั้น ใช้งานทั่วไป + ขับแรง ๆ บ้าง Ultimate + ปลด Close loop น่าจะ Work สุดแล้ว

ของคุณ retro_boy ละเอียดยิบเลย ชัดเจนมากเลยครับ

อ้อ ผมเช็ค วงจรของ E-manage มาแล้ว เขาใช้ CPU ของ Renesas (เดิมเป็น ฮิตาชิ) ตระกูลใหม่ 32 ิbits CPU แรงพอสมควรครับ

ตามความคิดส่วนตัวผม ถ้าเขา เพิ่้มวงจรเสริมนิดหน่อย และทำโปรแกรมดี ๆ ทำให้เป็น Stand alone ได้คิดว่า คงแรงไม่น้อยหน้า F-con แต่ ต้นทุน Software ก็จะต้องแพงกว่านี้อีกเยอะ อาจจะต้องบวกราคาขายไปอีก ซัก 100% ทีเดียว E-manage คงพอใจในตลาด Piggy back เพราะ ถ้าขายได้่เยอะ ๆ จะได้ได้กำไรงากว่า Stand alone ใบแพง ๆ ครับ

อีกนิดครับ

E-manage ใช้วงจรส่วน Driver ของส่วนจุดระเบิด และคุมหัวฉีด ง่าย ๆ ครับ อะไหล่ ซื้อบ้านหม้อได้ทั้งหมด ถ้ายัง connect กับ กล่องได้ ซ่อมได้ไม่ยาก

ส่วนใหญ่ที่เห็น วงจรคุมจุดระเบิดพัง เปลี่ยน IC 1 ตัวใช้งานได้แล้วครับ เบอร์ IC เป็นเบอร์ญี่ปุ่น
ถ้าจะไปซื้อบ้านหม้อ จะต้องเทียบเอา เพราะบ้านเราเอามาตราฐานเบอร์ฝรั่ง

poseidon 25-05-2009 01:01

ผมก็จะลองเล่นดูคับ E-manage เครือง2j โบ holset เกียร์25 เครืองเดิมหมด กะบูส 1.1บาร์
น่าจะได้ 400+นะคับ

อีกคัน1j โบt78 แคม264 หัวฉีดได้แค่ 750 กล่อง E-mamage อาติม่า กะไว้ 700+
กล่องมันหัวฉีดใหญมากไม่ได้คับ เวลาติดเครืองใหม่ติดยากๆ หัวเทียนใช้เย็นมากไม่ได้
เดียวจูเส็ดรจะเอากราฟมาให้ดูนะคับถ้าไม่มีปัญหาอะ ตัวผมว่ามันคุมค่า เงินละคับ
กล่อง+สายไฟ+จูน ประมาณ10000 ถ้าเป็นv-pro ตก 20000+เอาเงินทีเหลือไปอัพพวกหัวฉีดได้เลย
][/size]

retro_boy 25-05-2009 08:36

อ้างถึง:

กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ TongAE111 (326380 กระทู้)
อีกนิดครับ

E-manage ใช้วงจรส่วน Driver ของส่วนจุดระเบิด และคุมหัวฉีด ง่าย ๆ ครับ อะไหล่ ซื้อบ้านหม้อได้ทั้งหมด ถ้ายัง connect กับ กล่องได้ ซ่อมได้ไม่ยาก

ส่วนใหญ่ที่เห็น วงจรคุมจุดระเบิดพัง เปลี่ยน IC 1 ตัวใช้งานได้แล้วครับ เบอร์ IC เป็นเบอร์ญี่ปุ่น
ถ้าจะไปซื้อบ้านหม้อ จะต้องเทียบเอา เพราะบ้านเราเอามาตราฐานเบอร์ฝรั่ง

เยี่ยมเลยครับ...ว่างๆจะโทรไปปรึกษาบ้างครับ ข้อมูลแน่นมากเลยครับเรื่องวงจรของคุณโต้งเนี่ย...เย ี่ยมจริงๆครับ
อ้างถึง:

กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ poseidon (326405 กระทู้)
ผมก็จะลองเล่นดูคับ E-manage เครือง2j โบ holset เกียร์25 เครืองเดิมหมด กะบูส 1.1บาร์
น่าจะได้ 400+นะคับ

อีกคัน1j โบt78 แคม264 หัวฉีดได้แค่ 750 กล่อง E-mamage อาติม่า กะไว้ 700+
กล่องมันหัวฉีดใหญมากไม่ได้คับ เวลาติดเครืองใหม่ติดยากๆ หัวเทียนใช้เย็นมากไม่ได้
เดียวจูเส็ดรจะเอากราฟมาให้ดูนะคับถ้าไม่มีปัญหาอะ ตัวผมว่ามันคุมค่า เงินละคับ
กล่อง+สายไฟ+จูน ประมาณ10000 ถ้าเป็นv-pro ตก 20000+เอาเงินทีเหลือไปอัพพวกหัวฉีดได้เลย
][/size]

ลองดูเป็น F-con สิครับ โอกาสที่จะผิดพลาดจะน้อยขึ้นครับและแรงม้าและแรงบิดท ี่ดีขึ้นครับ

pAe-Jdo 25-05-2009 17:51

ผมก็ขออนุญาตสงสัยด้วยคนครับ

กรณีที่รถคันเดียวกันทุกอย่างเหมือนกันปรับบูสต์เท่า กันสมมติ 1.2 bar

1.ใส่ E-manage จูนค่าไว้
ณ.รอบที่มีแรงม้าสูงสุดสมมติ 6800 rpm ค่าน้ำมัน = A , ค่าไฟ = B , อากาศ = C

2.ใส่ FCON up pro หรือกล่องอื่นๆ
ณ.รอบที่มีแรงม้าสูงสุด สมมติ 6800 rpm ค่าน้ำมัน = A , ค่าไฟ = B , อากาศ = C

ถ้าทุกอย่างสมมติจูนได้เท่ากันหรือใกล้เคียงกันมากๆ อย่างนี้แรงม้าสูงสุดจะได้ไม่เกือบเท่ากันเหรอครับ

รบกวนผู้รู้ด้วยคนครับ

gotlaw 25-05-2009 20:08

ไม่รู้นะครับ วู่า อีมะเนหงกจะจูนเม้นียนๆ ม้า 600-700 ไาด้แาหร่มหรือเ ปล่า

รู้แต่ว่า พอจะจูนให้ม้ามาหลายๆครอก


เห็นจูนเนอร์เค้าแนะนำแต่ F con กล่องทองกันทั้งน้านนน



คงต้องให้จูนเนอร์อาชีพ ผู้มีโปรแกรมจูน มาแนะนำต่ออีกดอกนึง อิอิ

ผมขาดการศึกษาและการจดจำเรื่องกล่องครับ

ว่าไงก็ว่าตามกัน บานแหกไปตามเรื่อง เอิ้กๆๆๆ

ton jzt 141 25-05-2009 20:32

----จริงอย่างที่พี่ retro boy บอกเลยครับ เช้าๆ หรือตอนเครื่องเย็น เซ็งสุดๆ น้ำมันท่วม ต้องคอยเร่ง ไม่งั้นดับ ของผมต่อเป็น stand alone เลยครับ คนใส่เอากล่องของ โรตารี่ มาใส่ให้อ่ะ แต่สงสัยยังจูนไม่ค่อยเก่ง เลยไม่ค่อยเนียนเท่าไหร่ เด๊ยวสักพักคงจะเอาไปจูนเก็บใหม่ ให้คนจูนหาประสบการไปก่อน ของผมค่าใส่กับจูน เค้าคิด 8000 จูนครั้งต่อไปก็ ขอแค่ค่าเสื่อมเซ็นเซอร์ + ค่าล่วงเวลาลูกน้องนิดหน่อยเท่านั้น คุยง่ายด้วยไม่เรื่องมาก ไม่ค่อยหวงวิชา

retro_boy 25-05-2009 21:41

อ้างถึง:

กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ pAe-Jdo (326893 กระทู้)
ผมก็ขออนุญาตสงสัยด้วยคนครับ

กรณีที่รถคันเดียวกันทุกอย่างเหมือนกันปรับบูสต์เท่า กันสมมติ 1.2 bar

1.ใส่ E-manage จูนค่าไว้
ณ.รอบที่มีแรงม้าสูงสุดสมมติ 6800 rpm ค่าน้ำมัน = A , ค่าไฟ = B , อากาศ = C

2.ใส่ FCON up pro หรือกล่องอื่นๆ
ณ.รอบที่มีแรงม้าสูงสุด สมมติ 6800 rpm ค่าน้ำมัน = A , ค่าไฟ = B , อากาศ = C

ถ้าทุกอย่างสมมติจูนได้เท่ากันหรือใกล้เคียงกันมากๆ อย่างนี้แรงม้าสูงสุดจะได้ไม่เกือบเท่ากันเหรอครับ

รบกวนผู้รู้ด้วยคนครับ

อย่างที่กล่าวไว้นะครับ....กล่อง 2 ใบนี้จริงๆแล้วเป็นมวยคนละรุ่นเลยนะครับแต่ถ้าหากเอา มาเปรียบเทียบก็พอได้แบบคร่าวแบบนี้นะครับ....

ผมขอเกริ่นๆแบบเข้าใจง่ายๆก่อนนะครับว่าการจูนกล่อง( ตามที่ผมเคยใช้และลองจูนเอง)...ที่เขาเรียกว่า"เค้น"คืออย่างนี้ครับ
1.รถจะวิ่งได้ดีหรือไม่องศาจุดระเบิดเป็นตัวแปรหลักๆ เลยนะครับ...ไฟแก่..รอบจะกวาดดีแรงม้าและแรงบิดสูงแต ่....มากเกินไปก็จะน็อคครับ(ชิงจุด)
2.ส่วนผสมของอากาศและน้ำมันต้องพอเหมาะ 14.7 คือค่าที่ดีที่สุดครับแต่....เรามักจะคิดกันว่าน้ำมั นหนาๆจะวิ่งดี(รถดีเซลอาจใช่นะครับ)....แต่สำหรับเคร ื่องเบนซินยิ่งบางยิ่งดีครับ(ลื่น..รอบกวาดไวเบาคันเ ร่ง)...แต่บางมากไปก็จะน็อคครับ(อีกแล้ว) ออกเทนน้ำมันยิ่งสูงมากๆจะยิ่งปรับให้ไฟแก่ได้มากขึ้ นและจุดที่จะน๊อคก็สูงขึ้นเช่นกันครับ(กำลังอัดสูงขึ ้น)

สังเกตุมั้ยครับว่า"น๊อค"เป็นอาการที่เรียกได้ว่าเป็นขีดจำกัดของเครื่องยนต์โ ดยหลีกเลี่ยงไม่ได้....เพราะฉะนั้นการ"เค้น"คือการที่"จูนเนอร์"ดึงเอาความสามารถที่เครื่องตัวนั้นจะผลิตออกมาได้... โดยทั้งไฟและน้ำมันถูกปรับมาแบบ"เฉียดน๊อค"โดย"จูนเนอร์"จะสามารถรู้ได้จากประสบการณ์และเครื่องมือนะครับ(ควา มแม่นยำของเครื่องมือที่ใช้+ซอร์ฟแวร์+ประสบการณ์).. .ดังนั้นรถทั่วไปที่ไม่เน้นแข่งขัน"จูนเนอร์"จะเผื่อไว้ค่อนข้างเยอะครับ

มาถึงตรงนี้เริ่มสงสัยแล้วใช่มั้ยครับว่า..มันแตกต่า งยังไงเราลองมานึกภาพดูนะครับว่ามีอะไรที่จะทำให้เคร ื่องเกิดอาการ"น๊อค"อย่างที่กล่าวมาบ้าง

1.ปั๊มติ๊ก...อันนี้สำคัญมากๆครับเพราะอย่าลืมถ้าแรง ดัน 3 บาร์น้ำมันตั้งไว้ +20 ผลที่ได้คือ AF 1/1 = 14.7 ใช่มั้ยครับ...แล้วถ้าแรงดันเกิดตกล่ะครับ เหลือ 2.5บาร์/น้ำมัน +20 ทีนี้มันไม่ 1/1 แล้วสิครับมันเป็น1/0.7-0.8 ผลที่ได้คือ AF บางครับ 15-16/1พอบางแล้วยังก็ไงเหรอครับก็
"น๊อค"สิครับทีนี้เพราะไฟก็บวกไว้แก่แล้วแถมบูสท์มาอีก...ท ีนี้ก็พังสิครับ(น๊อคแบบรุนแรงในรอบสูงๆ)
2.หัวเทียนครับอันนี้ไม่ต้องเอ่ยครับ....สภาพไม่ดีน๊ อคเอาง่ายๆครับ(ไม่ขอพูดถึงนะครับ..)เรพาะจุดระเบิดไ ม่ตรงตามที่ตั้งองศาเอาไว้

เล่ามาซะยาว...คงพอเข้าใจได้บ้างนะครับ....แต่สรุปได ้ดังนี้ครับ

1.กล่องที่มีความละเอียดมากๆ สามารถจูนได้..."เฉียดพัง"...หรือสามารถเค้นสมรรถนะเครื่องตัวนั้นออกมาได้เต็ม ที่..รวมถึงความไวในการประมวลผลจึงทำให้การตอบสนองที ่ดีกว่าครับ...ดังนั้นในรอบที่เท่ากัน..โหลดเท่ากัน. .บูสท์เท่ากัน(น้ำมัน-ไฟ ยังไงก็ไม่เท่านะครับเพราะเป็นความแตกต่างของซอร์ฟแว ร์)ยังไงก็ดีกว่าครับ......(รถแรงไม่ได้มีแต่แรงม้าน ะครับ..."แรงบิด"คือหัวใจเลยนะครับ)

2.ฟังค์ชั่นครับ...อันนี้แตกต่างกันเห็นๆครับ...สามา รถช่วยให้"จูนเนอร์"จูนได้เนียนขึ้นครับ....ยิ่งเนียนยิ่งดี..ยิ่งลื่นคร ับแตกต่างกับกล่องที่มีความสามารถต่ำกว่าจึงทำให้แรง ม้าและแรงบิดแตกต่างกันมากครับ

คร่าวในการจูนก็คือ.....ไฟแก่ที่สุด("เฉียดน๊อค")...น้ำมันบางพอเหมาะ(ส่วนผสมน้ำมัน/อากาศ)...บูสท์พ อดีกับสภาพอุปกรณ์ของเครื่อง(ของแต่งโดยรวม)...ลองคิ ดดูก็แล้วกันครับว่า"จูนเนอร์" ไม่ได้จูนกันง่ายๆครับ.....รถวิ่งต้องปรับทั้งไฟ..แล ะน้ำมัน..และไหนจะบูสท์อีก หูก็ต้องฟังน๊อค(เครื่องฟัง)..ตาก็ต้องมองส่วนผสมที่ AF meter คิดดูก็แล้วกันครับว่า "ง่าย" หรือ "ยาก"....แล้วเครื่องที่ทำมาบางตัวเป็นแสน-ล้านครับ จูนผิดจบลงตรงนั้นเลยครับ.....

โดยรวมๆแล้วมีอีกเยอะ...ว่างๆจะเอามาเล่าให้ฟังอีกนะ ครับ:)

gotlaw 25-05-2009 22:18

คือ ผมเองก็ไม่รวยครับ

อาศัยค่อยๆทำไปเหมือนกัน

อยากแรง แต่ถามใครก็ให้ใช้แต่ F Con ก็เลยใช้

ต อนนี้ กล่องอีแมเนจ ก็วางทิ้งไว้ที่อู่ ขายไม่ออกซักที


เพราะงั้น เลยสนใจกระทู้นี้

ยิ่งถ้าอีแมเนจ จูน ได้ หกเจ็ดร้อยม้า ยิ่งดี

จะลอกแบบเลย

เพราะสเตปที่ผมใช้งานตอนนี้ ก็สูตรสำเร็จ

โบ กล่อง แคม หัวฉีด หัวเทียน แคม เหมือนๆๆๆๆๆๆๆ คนอื่นทั้งนั้น



ไม่อยากจ่ายแพงหรอกครับ แต่ พับผ่าเถอะ จูนเนอร์ของผมก็ให้ใช้แต่ F Con อ่ะ ถ้าจะเอาม้าเยอะๆfight

มึนไปเลย กระเป๋าแหกไปตาม F Con ด้วยประการฉะนี้

HS9KRM 26-05-2009 08:28

:emot02: ส่วนใหญ่ที่เครื่องพังๆกันมาจากอุปกรณ์ร่วมอื่นๆไม่พ ร้อมซะมากกว่าครับ
-สเต้ปใช้งานรถบ้าน ไม่ควรเค้นกำลังเครื่องยนต์มากครับเเละส่วนใหญ่ จะจูนเเบบเหนียวๆไว้ก่อนคือ ช่วงซัดอาจจูนหนานิดนึงเผื่อเเป้ก เเละ้ที่ลูกสูบเเตกกัน ส่วนใหญ่ที่เห็นคือเรื่องเเรงดันน้ำมัน เช่นปั้มติ้กถอย ไม่พอ น้อค ช่วงซัดซะมากกว่า ส่วนช่วงเดินเบาเเรงดันปั้มติ้กไม่ค่อยเกียวเท่าไรคร ับ บางคันถ้าใส่FPC ก็อาจอยู่ที่2.5-2.7บาร์ ส่วนคันที่ถอดออก ก้ 3บาร์ เท่าที่จับประเด็นได้ คือ ช่วงบุ้ทสูงๆเเรงดันน้ำมันต้องเหลือๆเเละเเรงดันต้อง ไม่ตก ครับ
;เป็นความเห็นส่วนตัว ครับ :emot02:

Joe@ClubJZ 27-05-2009 13:52

สำหรับเครื่อง na เดิมๆ ใส่แล้วคุ้มหรือไม่คุ้ม ขึ้นอยู่กับว่าอยากได้อะไรจากการใส่กล่องจูนครับ

ถ้าคิดว่าใส่แล้วมันจะแรงกว่าเดิม ก็ไม่คุ้มหรอกครับ เพราะมันจะแรงกว่าเดิมได้ไม่เท่าไหร่
แต่ถ้าคิดว่าใส่เพื่อปรับให้มันเรียกสมรรถนะที่ดีที่ สุดเท่าที่เครื่องยนต์มันจะทำได้ออกมา ก็พอจะคุ้มบ้างครับ
:)

เครื่องยนต์เดิมๆใส่กล่องจูนเข้าไปโดยไม่ได้มีการปรั บแต่งอะไรเลย ส่วนใหญ่จะดีขึ้น"ไม่เกิน" 8% เท่านั้นครับ ขึ้นอยู่กับสภาพเครื่อง

ส่วน 8% จะได้กี่แรงม้า ก็ลองคิดเทียบดูจากแรงม้าเดิมของเครื่องยนต์เอาครับ
ถ้าคิดได้แล้วจะรู้ว่าทำไมเครื่องยนต์เทอร์โบใส่กล่อ งจูนมันถึงเห็นผลได้มากกว่า na

paa-san 07-08-2009 13:25

ขอถามเพิ่มครับ
ระหว่าง f con v ธรรมดา กับ f con s ถ้านำมาใช้แบบ piggy back ทั้งคู่ ความสามารถจะแตกต่างกันยังไงครับ

ผมเห็นใจกระทู้นี้ ขาย f con s ตรงรุ่นสำหรับ 1j gte vvti มันสามารถคุม vvti ได้ไหมครับ

ขอบคุณครับ

Au_u 07-08-2009 13:47

ไหนๆก็ใส่กล่องแล้ว F-Con ไปเลยน่าจะดีกว่าครับ กล่องเดียวได้หลายสเต็ป จะได้ไม่ต้องเปลี่ยนกล่องเพื่อเพิ่มสเต็ปอีก ถ้าถามจูนเนอร์เค้าก็ต้องให้เครดิต F-Con แน่นอนครับ

therayuth 10-10-2009 09:44

จากประสบการณ์ส่วนตัวเลยนะครับ
รถอัลติสเซ็ทโบบูส 0.5 ใช้กล่องฟ้า ซัดหนักๆ แช่ที่เกียร์ 2 ( ตอนนั้นแข่งกับ honda stream ครับ ) ผลคือก้านคตครับ ต้องยกเครื่องครับ
หลังจากนั้นเลยลองเปลี่ยนกล่องเป็น F-con v 3.1 เคยลองซัดแข่งกับ subaru impressa ที่เป็น5 ประตู มาแล้วครับ ซัดกันเต็มที่ครับ ตีนต้นสู้ไม่ได้ครับ ปลายยาวๆ ตามได้ครับ เครื่องไม่มีปัญหาเลยครับ

poseidon 10-10-2009 09:55

อยากรู้ ว่า
กล่องเงิน F con V up pro
กล่องเงิน F con v pro แท้ แตกต่างกันยังไง
และสามารถ ทำมาใส่ได้ไหม คับ:? :?

retro_boy 10-10-2009 12:48

อ้างถึง:

กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ poseidon (417811 กระทู้)
อยากรู้ ว่า
กล่องเงิน F con V up pro
กล่องเงิน F con v pro แท้ แตกต่างกันยังไง
และสามารถ ทำมาใส่ได้ไหม คับ:? :?

อัพก็เหมือนโปรแล้วครับ ยกเว้นพวกกล่องทอง

อ้างถึง:

กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ richle (417877 กระทู้)
เคยไปลองจะใส่กล่องฟ้ากับjgeวิ่งจูนอยู่นานสุดท้ายจู นไม่ลงวิ่งได้น้อยกว่าเดิมถนนปกติเป็นที่กล่องหรือคน จูนนะครับขอแนะที่จูนดีพอจะมีบ้างไหมครับ:emo_toon05 :

เป็นที่คนจูนครับและความแม่นยำในการสั่งงานของกล่อง ECU ครับ

wk7000 10-10-2009 15:19

อ้างถึง:

กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ richle (417922 กระทู้)
สรุปก็เลยไม่ได้ใส่มาแต่ถ้าสมมุติคนจูนดีแล้วมันจะมี ผลที่เพิ่มขึ้นด้านไหนบ้างแล้วสามารถใช้กับแก็สได้ไห มหรือถ้าเป็นแก็สต้องหัวฉีดอย่างเดี่ยวถึงจะจูนได้ใน กรณีที่สมมุติใช้กล่องคุมแก๊สอย่างเดียวพอจะมีความเป ็นไปได้ไหมแบบแรงด้วยแก็สค่าใช้จ่ายในการจูนหรือกล่อ งจะสูงขึ้นจากเดิมถึงขนาดเท่าตัวจากการทำปกติไหมครับ

กรณีแก๊สเป็นหัวฉีดได้กล่องพ่วงจูนเพิ่มได้ครับ แน่นอนเลยคือปรับไฟได้มากกว่าน้ำมัน

น้ำมันบ้านเราออคเทน 95 แต่ LPG มัน 105 จูนไฟเพิ่มได้เยอะ ได้แรงบิดเพิ่มมากขึ้นพอสมควร แต่จะได้เนียนดีแค่ไหน

ก็ต้องดูที่หม้อต้มด้วยว่ามันสามารถจ่ายแก๊สได้ทันหร ือเปล่าครับ ที่สำคัญคือถ้าจูนไฟไว้สำหรับแก๊สเลย เวลากลับมาวิ่งน้ำมันก็จะเขกกระจายเลยล่ะครับ

ปัจจุบันผมก็พ่วงกับ e-manage อยู่รู้สึกได้เลยว่ารอบต้น ๆ แก๊สมันวิ่งได้ดีกว่าน้ำมัน แต่รอบปลายยังสู้น้ำมันไม่ได้น้ำมันยังวิ่งเนียนกว่า ครับ

ไม่ใช่ว่าหม้อต้มมันจ่ายแก๊สไม่ทันนะครับ แต่มันคุมการจ่ายเชื้อเพลิง ความหนาบางให้ได้แม่นยำใกล้เคียงกับน้ำมันค่อนข้างยา ก

เพราะ ECU แก๊สมันยังไม่ฉลาดเท่าน้ำมันครับ


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 21:57

Powered by vBulletin รุ่น 3.6.8 Copyright ©2000-2024, Jelsoft Enterprises Ltd.
ClubJZ. NET Bestview 1024 * 768 and 1208 * 1024 pixels