รอบเครื่องสูงตอนเช้า แก้ไขอย่างไร?
 

2JZ-GTE ตอนเช้า สตาร์ทรถครั้งแรกรอบสูงประมาณ 1300 รอบ ใช้เวลานานมากประมาณ 5 นาทีกว่ารอบจะลดลงเหลือ 650 รอบ รอนานเกินไปกว่าจะออกรถได้ หากออกรถขณะรอบสูง 1000 รอบ ตอนเลื่อนคันเกียร์จาก P มา R เกียร์จะกระตุกแรงมาก แต่จาก R ไป N และ D ไม่กระตุกเลย แต่หากรอจนรอบต่ำ 650 รอบ เข้าเกียร์จาก P ไป R นิ่มมากๆ เลยอยากทราบวิธีแก้ไขให้รอบเครื่องลดลงเร็วๆ หน่อย จาก 1300 รอบลง 650 รอบในเวลาสัก 2 นาที ต้องแก้ไขอย่างไร
อีกอย่างหนึ่ง ผมสังเกตุดู กลิ่นไอเสียแรงมากตอนเช้า เป็นเพราะอะไร อัตราส่วนผสมไม่ถูกต้องหรือเปล่า แต่เมื่อเครื่องร้อนกลิ่นไอเสียน้อยลงมาก
รอบเครื่อง Idle ปกติประมาณ 650 รอบ แต่เมื่อแอร์ทำงานจะขึ้นไปประมาณ 850 รอบ ผิดปกติหรือเปล่า การชดเชยรอบของแอร์น่าจะควบคุมรอบให้เท่าเดิมคือไม่ว ่าคอมแอร์จะทำงานหรือไม่ รอบต้องรักษาให้คงที่ ที่ 650 รอบ ถูกต้องหรือเปล่า? แก้ไขได้ไหม?
2JZ-GTE ของเพื่อนๆ รอบเครื่องเป็นอย่างไรกันบ้าง

เรื่องรอบเครื่องผมว่า ก้ปรกติน่ะครับ

เพราะตอนเช้า เครื่องจะเย็น ทำให้เครื่องต้องวอร์มอัพเพื่อรักษาสภาพของเครื่องยน ต์

เรื่องรอบขณะเปิดแอร์ เท่าที่ผมเข้าใจ เครื่องที่ไม่มีVVT-i จะชดเชยประมานนี้

แต่ถ้าเป็นเครื่องVVT-i กล่องจะสั่งตัวชดเชยรอบ(ตัวที่ทำให้วอร์มตอนเช้า)ให้ปรับระดับรอบให้คงที่
ไม่ว่าจะเปิดแอร์ เข้าเกียร์ รอบจะคงที่ตลอด(ตอนวอร์มเครื่องจนได้อุณหภูมิที่เครื่องต้องการ)

เรื่องกลิ่นไอเสียผมไม่ทราบอ่ะครับ แต่ผมถามพี่เลยล่ะกันเผื่อกูรูมาตอบ

ว่า เวลาอากาศเย็นๆตอนวอร์มเครื่อง จะมีควันไหลออกมาจากท่อ เป็นสีขาวๆหรือป่าว


ถ้าเป็นแสดงว่า เครื่องเผาไหม้สมบรูณ์ดีครับ เพราะนั้นจะเป็น ไอน้ำไม่ใช้ไอเสียครับผม

เป็นปกติครับ ตอนเช้าที่เครื่องยังไม่ร้อนเครื่องจะมีระบบwarmโดยจ ะเร่งรอบเพื่อให้เครื่องมีอุณหภูมิถึงจุดที่จะทำงานไ ด้อย่างเต็มประสิทธิภาพเร็วขึ้น เมื่ออุณหภูมิได้ระดับก็จะลดรอบลงเอง ส่วนกลิ่นไอเสียแรงตอนสตาร์ทใหม่ ๆ ก็เพราะว่าตัวอ๊อกซิเจนเซนเซอร์ยังไม่ร้อนจึงทำงานได ้อย่างไม่เต็มที่เมื่อร้อนได้อุณหภูมิแล้วมันจะส่งสั ญญาณเพื่อให้กล่อง Ecu ปรับส่วนผสมต่าง ๆ ให้เหมาะสมเอง รวมถึงเวลาแอร์ทำงานด้วยมันจะชดเชยรอบให้ซึ่งถือว่าร ะบบการทำงานของเครื่องคุณเป็นปกติครับ ส่วนเรื่องเกียร์กระตุกแรงก็เพราะมาจากรอบที่สูงนั่น เองครับ ถ้ามันไม่ทำงานอย่างที่คุณกล่าวมาค่อยมาไล่แก้ไขครับ :)

ทำอย่างไรก็ได้ครับ ให้น้ำในระบบร้อนเร็วขึ้นอ่ะครับ สาเหตุที่ทำให้รอบเครื่องลงช้าก็จากความร้อนของน้ำอ่ ะครับ ซึ่งบางทีตอนนี้รถคุณอาจจะไม่ได้ใส่วาล์วน้ำ และพัดลมไฟฟ้าก็ทำงานตั้งแต่ติดเครื่องมันก็ทำให้น้ำ ในระบบร้อนช้าอ่ะครับ ลองตรวจสอบดูครับ:)

ขอบคุณมากครับ ผมอาจคิดมากไป คือว่าหากปกติเป็นแบบนี้ หากผมมีเงินต้องการรถใหม่ toyota aristo ราคาสองล้านสักคัน ไปลองรถดูที่โชว์ลูม ลองขับดู สตาร์ทรถรอบขึ้นไป 1300 รอบ เข้าเกียร์ออกรถเกียร์กระตุกแรงมาก ถามพนักงานขายดูว่าทำไมเกียร์กระตุกแรงจัง พนักงานบอกว่า ปกติครับพี่เป็นแบบนี้ทุกคัน รถรุ่นนี้สตาร์ทรถเสร็จพี่ต้องนั่งรอก่อนสัก 5 นาทีก่อน แล้วค่อยออกรถนะครับ หากเป็นแบบนี้ผมจะซื้อดีไหมนี่?

เครื่องยนต์เก่าที่เคยใช้มา เช้าๆ สตาร์ทปั้บรอ 1 นาทีออกรถได้เลย รอบลงเร็วมาก หรืออาจเป็นเพราะวาวล์น้ำเสียเปิดตลอด หรือไม่ได้ใส่วาวล์น้ำ เครืองจึงร้อนช้าเป็นไปได้ไหม? แต่ใช้งานอยู่ปกติ Temp อยู่ประมาณ 90C คงที่ดีครับ

ตอนเช้าสตาร์ทมีควันขาวออกนิดหน่อยครับ แต่พอเครื่องร้อนก็หายครับ รถผมต่อเซ็นเซอร์ออกซิเจนครบ พร้อมหม้อเคท แต่ย้ายตำแหน่งเซ็นเซอร์ออกมาหน่อยเนื่องจากตำแหน่งเ ดิมไปติดกระพุกพวงมาลัยเพาเวอร์ จะมีผลหรือเปล่า?

ตามมา
 

ผมว่าปรกตินะ รถผมก็เป็นครับ 1J GE VVTI และอีกคันรถไม่ได้วางเครื่องยนต์ด้วย Prelude H22A ติดมาจากโรงงานนำเข้าทั้งคันซื้อตอนป้ายแดง เป็นตั้งแต่ซื้อปัจจุบันก็เป็น ส่วนเรื่องเกียร์กระตุก ถ้าออกเลยไม่รอรอบลง ตอนซื้อมาใหม่ๆก็กระตุกไม่มากแต่หลังๆพออายุอานามเริ ่มเยอะแล้วก็ย่อมแรงขึ้นเป็นธรรมดา แต่อีกคันรถบ้านเรา camry ซื้อป้ายแดงเหมือนกันไม่เป็นสตาจ 1 นาทีก็ออกรถได้เลย อย่างที่คุณว่า สัญนิฐานเอานะอันนี้ไม่แน่ใจ อาจเป็นได้ว่ารถหรือเครื่องยนต์ที่ส่งมาจากญี่ป ุ่น (และไม่ได้ประกอบในไทยและขายในไทย) อาจมีการแก้ไขข้อมูลในกล่อง ECU ให้อุณหภูมิ เครื่องยนต์ Warm down สูงกว่ารถบ้านเราก็เป็นได้เพราะบ้านเขาอากาศเย็ น เกิดวันดีคืนดีอากาศติดลบ จะสตาจเครื่องยนต์ปุ๊บออกปั๊ป แบบว่าน้ำในหม้อน้ำยังเป็นน้ำแข็งอยู่ เครื่องยนต์เย็นขนาดนั้นแล้วขับออกไปคงนึกภาพไม่ถูกท ีเดียว ในทางกลับกันบ้านเราเป็นเมืองร้อนคงไม่มีปัญหา

กลับกันกับผม ผมวอมแค่ 1000 รอบเองอยากวอมสัก 1200 แตของผมเกียรธรรมดาเลยไม่มีปัญหากระตุกครับ ดูจากอาการก็ปกตินิครับ เหยียบเบรคก่อนออกตัวสิครับ กระตุกนิดหน่อย :redface:

ผมว่า.............
 

น่าจะปรกตินะครับ กับการสตาด ตอนเช้าเครื่องมันต้อง วอมก่อน
และการชดเชยรอบก็น่าจะประมาณนั้นนะครับ
ในเวลาเปิดแอร์รอบน่าต้องชดเชยขึ้นอยู่แล้วครับ

ขอโทษครับ ผมอาจจะตั้งคำถามผิดไปหน่อย ปัญหาคือระยะเวลาในการอุ่นเครื่องตอนเช้าๆมันนานไปหน ่อย ผมลองจับเวลาดู รอบจาก 1300 ลงมา 650 รอบกินเวลาประมาณ 5 นาที ขณะที่เครื่อง Benz 300E เดิมใช้เวลาไม่ถึง 1 นาที รอบก็ลงมาอยู่ที่ Idle แล้ว ผมอาจคุ้นเคยกับเครื่องตัวเก่า พอมาเจอเครื่อง J จึงคิดว่ามัน warm up เครื่องนานไปหน่อย เลยอยากทราบวิธีแก้ไข ทำให้รอบมันลงเร็วกว่านี้ ว่าต้องทำอย่างไร เพราะหากรอบสูงตอนเข้าเกียร์R จะกระตุกแรงมาก

งั้นลองวิธีง่ายๆแบบนี้ดูไหมครับ คือลองเปลี่ยนพฤติกรรมตัวเองดู โดยก่อนที่จะออกจากบ้านจะใส่ถุงเท้า และรองเท้า ก็เดินมาสต๊าร์ตรถก่อน แล้วค่อยไปนั่งสวมถุงเท้า รองเท้าแบบใจเย็นๆ ลองดูครับ แค่นี้ทุกอย่างก็ลงตัวแล้วครับ ผมทำแบบนี้ทุกวัน



:)

แสดงว่า ปกติของเครื่อง J จะใช้เวลา warm up เครื่องประมาณ 5 นาที ทุกคัน
มีของเพื่อนๆ คนใดใช้เวลาน้อยกว่านี้บ้างครับ

ไม่น่าจะมีต่ำกว่านี้ครับ ถ้ามีก็คือต่อระบบไฟอาจจะไม่ครบ(มอเตอร์เดินเบา)หรือ เซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิเพี้ยนแน่ๆ

ขอโทษครับ ยังไม่ได้ถอดวาวน้ำเช็คดู เพราะว่าเพื่อนๆ ว่าปกติ warm up เครื่องนานประมาณนี้
แต่หากเครื่องของท่านอื่นๆ ใช้เวลา 1 นาทีทุกคน แล้วของผมใช้เวลา 5 นาทีแบบนี้ ผมก็คงต้องถอดวาวน้ำดูแน่นอนครับ ขอบคุณครับทุกท่านที่แนะนำ

ปกติผมก็ประมาณ 5- 10 นาทีครับ สตาร์ทเครื่องก่อน แล้วก็ทำธุระสักพัก ก็ร้อนพอดี

แต่....วันนี้สิ สตาร์ทแล้วมันไม่วอร์ม แถมรอบเครื่องอยู่ประมาณ400-600 อีก ก็งงๆ

พอขับออกไปข้างนอกประมาณ 15 กม.หยุดรถที่ไฟแดง ดันดับเฉยเลย(เกียร์ออโต้อ่ะครับ) แต่ก็สตาร์ทติดนะ แต่รอบเดินเบามันก็ยังต่ำอยู่ดี ไม่รู้ว่าเป็นไรเหมือนกัน:confused:

ปกติรถผมก็วอร์มประมาณ5นาทีครับ ถ้าพี่ไม่สบายใจ กลับไปที่อู่เดิมเเล้วลองปรึกษาช่างที่ทำรถให้พี่ดูค รับ

ของผมก็ประมาณ 5 นาทีครับ แล้วรอบก็จะค่อยๆลดลงมา ตามอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้น ส่วนเรื่องเกียร์กระตุกผมว่าน่าจะเป็นเพราะรอบมันสูง แล้วเราเข้าเกียร์ไงครับ ลองวอร์มเครื่องให้ร้อนได้ที่ แล้วเร่งคันเร่งให้รอบซักประมาณ 1300 - 1500 แล้วเข้าเกียร์นะครับ ผมว่ามันกระตุกทุกคันนะ รถผมก็เป็น

ผมอ่านกระทู้นี้ตั้งนานแล้ว ว่าจะพิมพ์เขียนแสดงความคิดเห็นตั้งแต่แรกแล้ว แต่เพราะว่า ระหว่างที่พิมพ์อยู่บังเอิญติดธุระกระทันหัน ประกอบกับเห็นมีท่านอื่นตอบไปแล้ว จึงลบข้อความทิ้งแล้วไปธุระ

พอมีคนขุดกลับมา จึงจำได้ว่า เคยพิมพ์แล้วลบทิ้งไป จึงขอกลับมาพิมพ์แสดงความคิดเห็นใหม่ครับ

เคยมีคนเข้าใจผิดเรื่อง การใช้รถและรอบเครื่องยนต์ตอนสตาร์ทเย็น ครับ จุดประสงค์ที่โรงงานผลิตปรับรอบเครื่องยนต์ตอนสตาร์ท เย็นนั้น ให้รอบสูงกว่าปกติ ไม่ใช่เพียงเพื่อให้เครื่องยนต์ร้อนเร็วขึ้นอย่างเดี ยวเท่านั้นนะครับ (ตามที่เคยกล่าวไว้ว่า ชิ้นส่วนเครื่องยนต์จะขยายตัวเต็มที่เมื่ออุณหภูมิขอ งน้ำหล่อเย็นภายในเครื่องยนต์ประมาณ 80 - 97 องศาเซลเซียส) การที่ทำให้รอบเครื่องขึ้นสูงตอนสตาร์ทเย็นนั้น ยังต้องการให้น้ำมันเครื่องที่อยู่ก้นแคร้ง รีบถูกปั๊มดูดไปฉีดหล่อลื่นให้ทั่วเครื่องยนต์ (รอบเครื่องยิ่งสูง ปั๊มยิ่งดูดแรง (ความสำคัญของเกรดน้ำมันเครื่องจึงจำเป็นด้วยครั บ)) วึ่งปกติ รอบเครื่องยนต์ตอนสตาร์ทเย็น ควรอยู่ที่ประมาณ 1300 ถึง 1800 รอบ (เปิดแอร์กับไม่เปิดแอร์)

ประเด็นไม่ได้อยู่ที่ว่า รอบเครื่องเดินเบาสูงตอนสตาร์ทเย็น นานแค่ไหนบางท่านว่า 3 นาที บางท่านว่า 5 นาที บางท่านอาจจะสงสัยว่า รถเราผิดปกติหรือเปล่า ทำไมต้องใช้เวลานานเกิน 5 นาทีเสียอีก

ประเด็นสำคัญไม่ใช่ระยะเวลาครับ มันเป็นเพราะ อุณหภูมิของน้ำหล่อเย็น ที่ถูกวัดด้วย เทอร์มิสเตอร์ ของเครื่องยนต์ต่างหากครับ ถ้า สวิทช์เทอร์มิสเตอร์ (THW) วัดได้อุณหภูมิ 80 องศา จะส่งสัญญาณไปที่ ECU ให้ไปสั่งให้มอเตอร์ปรับรอบเดินเบาเข้าสู่ภาวะปกติเอ งครับ แล้วทำไมบางท่านใช้เวลาไม่เท่ากัน? ก็เพราะแต่ละท่าน อยู่ต่างสถานที่กันครับ อุณหภูมิในอากาศก่อนสตาร์ท เป็นตัวทำให้อุณหภูมิน้ำหล่อเย็นไม่เท่ากันครับ อุณหภูมิอากาศที่เชียงราย ก็คงไม่เท่ากับอุณหภูมิอากาศที่กรุงเทพ (อย่างนี้ รอบเครื่องของรถที่อยู่ที่รัสเซีย ก็ต้องนานกว่าที่เมืองไทยซิ? ต้องตอบว่า ใช่ครับ แต่ต้องไม่ลืมว่าเขาใช้เกรดน้ำมันเครื่องต่างจากบ้าน เราครับ)

แต่ที่ผมบอกว่า หลายๆท่านเข้าใจผิดกันนั้น ไม่ใช่ประเด็นนี้ครับ ประเด็นที่ผมต้องการสื่อให้ทราบคือว่า วัตถุประสงค์ของผู้ผลิตที่ทำเช่นนี้ (เขียนไว้ด้านบนแล้ว) ฉะนั้น ผู้ใช้รถ จึงไม่จำเป็นที่จะต้องรอให้รอบเครื่องยนต์เดินเบาอยู ่ในสภาพปกติ ค่อยออกรถได้ครับ แม้กระทั่งผู้ผลิตเอง ก็ยังมีวัตถุประสงค์ให้ผู้ใช้รถ สามารถออกรถได้เลยครับ ดูได้จาก ในระบบเกียร์ออโต้ ผู้ผลิตรถยนต์ กำหนดให้เกียร์ออโต้ ทำการล๊อคอัพและเข้าโอเวอร์ไดร์ฟได้ที่อุณหภูมิ 60 องศาเซลเซียส (ต่ำกว่า 60 เข้า O/D ไม่ได้ครับ) แสดงว่า ผู้ผลิตเขาทำระบบป้องกันไว้เรียบร้อยแล้วครับ

เพียงแต่ว่า เวลาที่คุณสตาร์ทเย็น ให้ตรวจสอบความพร้อมของเครื่องยนต์ เช่น ระบบน้ำหล่อเย็น เช็คน้ำมันเครื่อง น้ำมันเบรค น้ำมันเกียร์ เช็คลมยาง (อาจจะดูด้วยตาเปล่าก็ได้) ใช้เวลาไม่เกิน 1 นาที จากนั้น ก็ออกรถได้เลยครับ โดยแรกๆ อาจจะออกตัวช้าๆ (อาจจะมีการกระตุกบ้างเนื่องจากรอบเครื่องสูง) วิ่งใช้ความเร็วไม่เกิน 40 กม./ชม. (เป็นการช่วยให้ปั๊มน้ำมันเครื่องฉีดน้ำมันเครื่องให้ ทั่วเร็วขึ้นด้วยครับ และช่วยทำให้อุณหภูมิเครื่องยนต์ร้อนเร็วขึ้นด้วยครั บ) สักประมาณ อีกประมาณ 2 นาที (รวมเป็น 3 นาที(เวลาโดยประมาณ หรือดูที่เกจ์ความร้อนขึ้นมาที่ 80 องศา)) จากนั้น คุณก็ซิ่งตามใจปรารถนาได้แล้วครับ