มาแล้วครับ
หลังจากไปเก็บข้อมูลมาบ้างครับ
โดยทั่วไปผมจะเกริ่นเกี่ยวกับการทำงานของกล่องก่อนนะ ครับ(Ecu เดิมของรถ)
โดยจะแบ่งเป็น 3 ส่วนนะครับ
1.ส่วนรับข้อมูล (เช่น Sensor ต่างๆ ข้อเหวี่ยง อุณหภูมิ วัดรอบ ความเร็ว)
2.ส่วนประมวลผล (กล่อง ECU นั่นแหละครับ)
3.ส่วนการสั่งงานของเครื่องยนต์หรือภาคสั่งการทำงาน นั่นเองครับ
โดยเครื่องยนต์จะทำงานง่ายๆแบบนี้นะครับ(ระบบหัวฉีด)
โดยเริ่มต้นจากการที่เราเปิดไฟเข้ากล่อง Ecu เพื่อเริ่มทำงาน Ecu จะเก็บค่าต่างๆ ซึ่งเป็นสัญญาณทางไฟฟ้า เพื่อนำไปประมวลผล เช่น
ในขณะที่เราเหยียบคันเร่ง (ประมาณ 30 % ของคันเร่งทั้งหมด) ภายในเสี้ยววินาทีกล่อง Ecu จะต้องทำการเก็บข้อมูล คร่าวๆดังนี้นะครับ
1.องศาลิ้นปีกผีเสื้อเปิดเท่าไร(เหยียบคันเร่งเท่าไร นั่นแหละครับ)
2.ว่าตอนนี้ความเร็วเท่าไร
3.อุณภูมิอากาศเท่าไร
4.อุณภูมิน้ำมันเครื่องเท่าไร
5.อุณหภูมิน้ำเท่าไร
6.ค่า Af เท่าไร(ตรงท่อไอเสีย)
7.องศาจุดระเบิดเท่าไร
8.น็อคเซ็นเซอร์(ตรวจว่าปกติหรือมีสัญญาณ น็อคหรือไม่ เพื่อที่จะได้ปรับองศาไฟจุดระเบิดได้ถูกต้อง)
9.แรงดันในท่อร่วมไอดี เท่าไร( Map sensor)
เมื่อได้ค่าต่างๆมาแล้ว ภายในเสี้ยววินาทีกล่อง Ecu จึงสั่งไฟจุดระเบิดครับว่าต้องเท่าไร น้ำมันแค่ไหนครับ เครื่องถึงจะมีกำลังสูงสุด น่าทึ่งมั้ยครับ....
8.2 โดยน็อคเซ็นเซอร์จะทำงานคร่าวๆแบบนี้นะครับ
ในรอบต้นที่เครื่องยนต์ต้องออกตัวและต้องการแรงบิดมา กๆ Ecu จะถูกโปรแกรมให้ปรับองศาจุดระเบิดไปที่แก่สุด(ไฟแก่ห รือ Advance นั่นเองครับ)เพื่อให้เครื่องออกตัวได้ดีและมีแรงบิดร วมไปถึงแรงม้าที่สูง แต่ในทางกลับกันในรอบที่สูงขึ้นอุณหภูมิทั้งหมดได้แก ่ น้ำ น้ำมันเครื่อง อุหภูมิห้องเผาไหม้และอุณหภูมิท่อไอเสีย ดังนั้นอาจจะเกิดอาการชิงจุด(Knock )เกิดขึ้น โดยจะมีเสียงเขก(เป็นความถี่จำเพาะ แล้วแต่ขนาดของเส้นผ่าศูนย์กลางของลูกสูบว่ามีขนาดกี ่ mm เช่น ลูก 60 mm กับ ลูก 80 mm จะมีเสียงน็อคที่แตกต่างกันนะครับ) โดย Knock sensor จะทำหน้าที่มีลักษณะเป็น Microphone ชนิดนึงคอยตรวจจับเสียง น็อค โดยจะส่งสัญญาณแจ้งกล่อง Ecu เพื่อแจ้งให้ลดองศาจุดระเบิดลงให้เหมาะสม
"ดังนั้น รถบางคันที่วายริ่งสายมาไม่ครบแล้วรถวิ่งไม่ออกเพราะ ตรงนี้ด้วยส่วนนึงนะครับ เพราะ Knock Sensor ทำงานไม่สมบูรณ์ กล่อง Ecu จึงปรับองศาไฟจุดระเบิดได้ไม่เหมาะสมกับการทำงานของเ ครื่องยนต์ไงครับ"
และยังมี Sensor อีกหลายตัวที่ ยังไม่ได้กล่าวถึงนะครับ เช่น ข้อเหวี่ยง เกียร์ แคมชาร์พ ฯลฯ
ทีนี้เรามาเข้าเรื่องในส่วนของกล่องแต่งกับแก็สบ้างน ะครับ ดูตามรูปนะครับ
ในที่นี้ผมยกตัวอย่าง piggy back อย่าง E-manage ก่อนนะครับ
โดยแบ่งเป็น 2 ส่วนดังนี้นะครับ
ส่วนที่ 1 (ส่วนของน้ำมันเชื้อเพลิง Map sensor & Airflow)
โดยการทำงานของ E-manage จะทำงานโดยการหลอกสัญญาณที่ Map Sensor หรือ Air flow sensor "ขาเข้า กล่อง Ecu " เพื่อที่จะหลอกค่าสัญญาณทางไฟฟ้า ให้กล่องคิดว่าน้อยกว่าปกติเพื่อที่กล่อง Ecu จะชดเชยให้เองโดยอัตโนมัติ(ผลที่ได้คือสั่งจ่ายน้ำมั นมากขึ้น)
ส่วนที่ 2 (ส่วนขององศาไฟจุดระเบิด)
กลับกันกับอันแรกนะครับ เพราะไฟจุดระเบิด E-manage จะมาดักเอาขาออกของ Ecu (สายไฟที่จะส่งไปที่หัวเทียนจุดระเบิด) โดยจะมาปรับแก้ตรงนี้เพื่อจะได้ง่าย ในการที่ Tuner จะมาปรับไฟตรงนี้ไงครับ โดยจะสามารถเพิ่มหรือลดองศาไฟจุดระเบิดได้ตามต้องการ ครับ
ทีนี้เราทราบถึงหลักการทำงานคร่าวๆกันแล้ว เราจะเอามาใส่เพื่อ จูนกับแก็สได้มั้ย อันนี้ผมบอกว่า "ได้ครับ " แต่มีเงื่อนไขที่ว่า
1.รถคันนั้นเวลาที่จูนต้องใช้เชื้อเพลิงชนิดนั้นๆกับ ตารางไฟอันนั้น เช่น ไม่สามารถเอาตารางน้ำมัน มาใช้กับแก็สได้นะครับ เพราะค่า Octane ของเชื้อเพลิงแต่ละชนิดไม่เท่ากัน
เช่น แก็ส Lpg จะมี Octane ที่ 105 แต่ก็ AF ratio อยู่ที่ 16 กว่าๆ ต่อ 1 นะครับ(อันนี้จำไม่ได้ละ)
ในส่วนของน้ำมันจะมี Af ratio อยู่ที่ 14.7 ต่อ 1
ดังนั้นมันไม่เหมือนกัน จึงใช้กันไม่ได้ครับเอาง่ายๆนะครับ แค่ตอนจูนจูน 95 มา แล้วมาขับใช้ 91 วิ่งยังไม่ได้เลยครับเพราะส่วนผสมมันผิดกับตอนที่จูน ไว้ ยังไงล่ะครับ มันจะ น็อคก่อน ครับ (ออกเทน ยิ่งต่ำยิ่ง Knock ง่ายครับ เลยต้องลดองศาจุดระเบิดลงตามครับ ทำให้แรงม้าสู้รถที่ใช้ ออกเทนสูงกว่าไม่ได้ครับ เพราะทนบูสท์ได้มากกว่าและปรับไฟได้แก่กว่าด้วยครับ)
2.ใช้ได้แค่ปรับไฟนะครับ เพราะถ้าใช้แก็สเราจะไม่ได้ใช้โหมดของ Map senser อยู่แล้ว(เพราะถ้าไปปรับ Map ในตารางของ E-manage แล้วจะยิ่งหลอกกันหลายทีครับ เพราะกล่องแก็ส(หัวฉีดจะมารับสัณญาณจาก Map ไปช่วยสั่งจ่ายปริมาณก๊าซตามแรงดันเทอร์โบด้วยนะครับ )
เช่น ในการปรับไฟจุดระเบิดก็มาปรับใน E-manage ปรับแก็สก็ปรับในกล่องแก็สเอานะครับ อย่างนี้จะง่ายกว่านะครับ
3.มีบางคนถามผมว่าแล้วจะจูนน้ำมัน+กล่อง แล้วใช้แก็สด้วยได้มั้ย คำตอบคือได้ครับ.....แต่ จูนน้ำมันมาแล้วก็ ซัดน้ำมันได้ครับ แต่ในทางกลับกันถ้าวิ่งแก็สทางที่ดีที่สุดคือวิ่งช้า ๆ ใช้รอบต่ำๆครับเพราะ บางครั้ง Tuner เข้าจูนไฟมาแก่มากวึ่งกับน้ำมัน มันพอดี แต่พอมาสับใช้แก็ส สิ่งที่ผมกลัวก็คือ Knock ครับและโอกาสที่จะสร้างความเสียหายกับเครื่องยนต์ค่อ นข้างสูงครับ เพราะฉะนั้นจึงไม่แนะนำครับ
4.จูน 2 ตาราง อันนี้ทำได้นะครับแต่จะให้ดีใช้ F-con ดีกว่าครับเพราะสามารถจูนเก็บข้อมูลไว้ได้ 2 ตารางเลยทีเดียวแต่ต้องมาเลือก select switch เอาครับแล้วก็ต้องจำให้แม่นนะครับว่าอันไหนเป็น ตารางไหน ถ้าผิดตาราง ผิดเชื้อเพลิงก็ ตัวใครตัวมันครับ(E-manage จูน 2 ตารางไม่ได้นะครับ)
ปล.เผลอๆ โดนค่าจูน 2 เท่านะครับ ในการจูน 2 ตาราง อิอิ
5.แล้วทำยังไงให้ วิ่งทั้งแก็ส ทั้งน้ำมัน(แบบ ซัดได้ทั้ง 2 อย่าง)
5.1. ทำสายไฟ 2 ชุดครับ วิ่งแบบไหนก็เสียบเอา เช่น จูนน้ำมันมาก็เสียบปลั๊กเป็นน้ำมันไป แต่อยากซัดแก็สบ้าง ก็ต้องมา ถอดปลั๊กแล้วก็เสียบกลับแบบเดิมๆ งง มั้ยครับ? (คือทำปลั๊กไว้ 2 ชุดไงครับ)
5.2. F-con ครับ จบ อิอิ
สรุปแล้ว อยากจะฝากไว้สำหรับ คนที่จะทำสเตปนี้นะครับ ว่า F-con จะดูเป็นอะไรที่ลงตัวกว่าแต่ ลองคิดดีๆนะครับ ไม่มีอะไรที่เราจะได้ทาแล้วดีทุกอย่างนะครับเพราะ มันก็เหมือน เป็ด นั่นแหละครับ
ว่ายน้ำได้ แต่ดำน้ำแบบปลาไม่ได้
มีปีกแต่ก็บินไม่ได้
มีขาแต่ก็ ต้วมเตี้ยม ไม่รวดเร็วเท่าไก่
คือสรุป ทำได้หลายอย่างแต่ไม่ดี ซักอย่างนั่นแหละครับ......สุดท้ายแล้ว เราต้องถามตัวเองว่าเราติดแก็สมาเพื่ออะไร เพื่อประหยัดไม่ใช่หรือครับ แต่ถ้าจูนแล้ว(ซึ่งทำได้แน่นอน) เกิดผลสุดท้ายไล่ๆกับน้ำมันแค่ 50 สต.- 1 บาทล่ะครับ ขับน้ำมันเลยไม่ดีกว่าหรือครับ
ลองไปคิดดู นะครับ:)